ส่งเฮลิคอปเตอร์ MI 17 ขึ้นบินโปรยน้ำบนดอยสุเทพ ป้องกันไฟป่าปะทุซ้ำ ส่วนฝุ่นพิษกลับมาทันทีหลังหยุดยาวสงกรานต์ พีเอ็ม 2.5 เกินมาตรฐานทุกพื้นที่
จังหวัดเชียงใหม่กลับมาเผชิญกับปัญหามลพิษจากฝุ่นควันอีกครั้งหลังผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ไปได้แค่ 2 วัน ในวันนี้ (18 เม.ย. 67) ตัวเมืองเชียงใหม่เต็มไปด้วยฝุ่นควันจากไฟป่าจนมองเห็นดอยสุเทพได้เลือนลาง ค่าฝุ่น PM 2.5 ในเขตเมือง 103 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนอีก 25 อำเภอที่เหลือค่าฝุ่นเกินมาตรฐานทุกอำเภอ สูงสุดที่ ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว 274 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 เม.ย. 67) เกิดไฟป่าบริเวณเชิงดอยสุเทพ ด้านบนค่ายลูกเสือสุเทพ หมู่ที่ 1 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ใกล้กับเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ไฟได้ลุกลามอย่างหนักจนมองเห็นเปลวเพลิงสีแดงขนาดใหญ่ สร้างความตื่นตกใจให้กับชาวบ้านในชุมชนติดเชิงดอย
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เสือไฟ สถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ สนธิกำลัง ร่วมกับทหาร ผู้นำชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 50 นาย เร่งดับไฟ โดยแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด เดินขึ้นไปยังจุดเกิดไฟ และเดินลงจากดอยมายังจุดเกิดไฟ เพื่อเข้าถึงหัวไฟให้ดับได้อย่างรวดเร็ว
แต่ด้วยสภาพพื้นที่ที่เป็นป่าเต็งรัง แห้งแล้ง ทำให้การเข้าพื้นที่ท่ามกลางความมืดเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องใช้เวลาเดินเท้านานประมาณ 30 นาที กว่าจะถึงจุดเกิดเหตุ สามารถควบคุมไฟไว้ในวงจำกัดในเวลา 00.30 น. และดับไฟทั้งหมดได้สนิทในเวลาประมาณ 01.00 น. ที่ผ่านมา รวมระยะเวลานานประมาณ 4 ชั่วโมง ในเบื้องต้นพบว่าเป็นการจุดไฟเพื่อล่าสัตว์ มีพื้นที่เสียหายประมาณ 60 ไร่
โดยในวันนี้ศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าภาค 3 ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ MI 17 ขึ้นบินโปรยน้ำบริเวณจุดเกิดไฟป่าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นป้องกันไฟป่าปะทุซ้ำ และบินลาดตระเวนเพื่อตรวจสอบป้องปรามผู้ลักลอบเผาป่าในพื้นที่เสี่ยง
ล่าสุดศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ รายงานพบจุดความร้อนหรือฮอตสปอตจากไฟป่า 50 จุด มากที่สุดอยู่ที่ อ.เชียงดาว 19 จุด
นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ระบุว่า ผืนป่าดอยสุเทพเป็นพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นป่าผืนใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่มากที่สุด มีเนื้อที่มากกว่า 160,000 ไร่ ที่มักเกิดปัญหาไฟป่าทุกปี เนื่องจากมีที่ดินทำกินของชาวบ้านอยู่จำนวนมาก และยังเป็นแหล่งหาของป่าล่าสัตว์
อีกทั้งบนยอดดอยสุเทพเป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารและพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ที่มีการกำหนดเขตพื้นที่การป้องกันไฟป่าเป็นพิเศษในรัศมี 1 กิโลเมตร โดยรอบบริเวณห้ามเกิดไฟป่าขึ้นโดยเด็ดขาดและรัศมี 5 กิโลเมตร จะต้องมีการดูแลอย่างเข้มข้น ซึ่งได้กำชับให้เฝ้าระวังอย่างเข้มข้น