ระทึก อ.ภาชี อากาศร้อนจัด สารเคมีของกลางทำปฏิกิริยา ควันพิษสีส้มพวยพุ่ง สั่งเร่งเคลื่อนย้าย

ระทึก อ.ภาชี อากาศร้อนจัด สารเคมีของกลางทำปฏิกิริยา ควันพิษสีส้มพวยพุ่ง สั่งเร่งเคลื่อนย้าย

View icon 520
วันที่ 18 เม.ย. 2567 | 19.07 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (18 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุโกดังเก็บสารเคมีของกลางกว่า 4,000 ตัน ที่กรมอุตสาหกรรม ยึดไว้ ดำเนินคดีกับบริษัทเอกอุทัย รับกำจัดสารเคมี นำมาแอบซุกซ่อนเอาไว้ ในโกดังบนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้น และมีกลิ่นเหม็นฉุน

ด้าน นายสเกน จันทร์ผดุงสุข นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลภาชี เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบกลุ่มควันสีส้มพวยพุ่งออกมาจากโกดัง เกรงว่าจะเกิดเพลิงลุกไหม้ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ซึ่งพบว่าสารเคมีที่อยู่ในโกดังที่ 3 -4 และโกดังที่ 5 เกิดทำปฏิกิริยาทางเคมี ในสภาพอากาศที่ร้อนระอุ เกิดกลุ่มควันสีส้ม พวยพุ่ง ทะลุรอดหลังคาโกดัง ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นสารเคมีชนิดใด จึงได้ประสานกรมโรงงานอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัด นำเจ้าหน้าที่ และตัวแทนจากบริษัทเอกชน เข้าตรวจสอบร่วมกัน

ในเบื้องต้นพบว่ากลุ่มควันสีส้มได้จางหายไปแล้ว ต้องรอเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญ และอุปกรณ์ป้องกัน สารเคมี เพื่อเข้าไปตรวจสอบ และทางเทศบาลตำบลภาชี ได้เตรียมความพร้อมนำรถดับเพลิง พร้อมกับอุปกรณ์น้ำยาฉีดโฟม ที่สามารถใช้ควบคุมสารเคมี เตรียมความพร้อม หากเกิดเหตุสุดวิสัย ก็สามารถดำเนินการเข้าควบคุมสถานการณ์ได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ต้องเตือนพี่น้องประชาชนชาว อ.ภาชี การเกิดปฏิกิริยาทางเคมีของขยะโรงงานสารพิษที่ถูกยึดเก็บไว้ในโกดังที่เกิดปฏิกิริยาครั้งนี้มีความรุนแรง และเป็นอันตรายทางมลพิษมากกว่าถูกไฟไหม้ครั้งที่ผ่านมา จึงขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงในรัศมีของโกดังเก็บของกลาง ให้เตรียมความพร้อม หากพบกลิ่นผิดปกติ ให้สวมหน้ากากอนามัย หรือมีผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ ให้เคลื่อนย้ายออกเพื่อความปลอดภัย

ขณะที่ นายอาทิตย์ เมฆทรัพย์ ตัวแทนบริษัทเอกชน เผยว่า ตนเองได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่รัฐให้ช่วยเข้ามาตรวจสอบสารเคมีรั่วไหลในโกดัง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุพบว่าโกดังที่ 4 มีถังสารเคมีจำพวกกรด-ด่าง ที่อยู่ในถังเบาวส์ ขนาด 1 ลบ.ม. และที่บรรจุถังเหล็กขนาด 200 ลิตร และถังขนาดเล็กจำนวนมาก วางปะปนและซ้อนกันอยู่หลายชั้นโดยไม่มีการแบ่งแยกโซน โครงเหล็กที่พยุงถังพลาสติกเมื่อเกิดสัมผัสไอระเหยสารเคมีจะถูกกัดกร่อนผุผังจนไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ทำให้มีการยุบตัวของถัง จนทำให้สารเคมีรั่วไหลออกมาผสมกัน สารเคมีจากถังเหล็กที่ถูกกัดกร่อนจนทะลุ ประกอบอากาศร้อนจัด จึงทำให้สารเคมีเกิดปฏิกิริยาขึ้นได้โดยง่าย จึงเป็นเหตุให้เกิดกลุ่มควันสีส้มขึ้นมา ซึ่งกลุ่มควันสีส้มดังกล่าวยังไม่ทราบว่าเป็นสารเคมีชนิดใด แต่สามารถ สลายหายไปในอากาศเองได้

ในเบื้องต้นพบว่าสภาพอากาศภายในบริเวณโกดังในรัศมีใกล้เคียง มีก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ มากถึง 4.9 ppm อากาศในตามมาตรฐานในท่ออากาศทั่วไปไม่ควรเกิน 5 ppm จึงมีคำแนะนำว่า หากยังไม่มีการเคลื่อนย้ายสารเคมีดังกล่าวออกไปกำจัด ควรมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง เนื่องจากสารเคมีมีการวางปะปนกัน หากมีการชำรุดและรั่วไหลสารเคมีจะทำปฏิกิริยาต่อกัน และอาจจะเกิดเพลิงลุกไหม้ได้ ซึ่งถือว่าอันตราย

ล่าสุด นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้ยุติโดยกลุ่มไอระเหยสารเคมีได้ลดลง และหน่วยงานท้องถิ่นได้ประสานเจ้าหน้าที่ของบริษัท เบตเตอร์ เวสท์ แคร์ ให้เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุ และแนวทางป้องกันนั้น แต่เนื่องจาก ปริมาณของสารเคมีในโกดังมีจำนวนมาก อาจเกิดการปะทุขึ้นอีก และกลายเป็นเพลิงไหม้ได้ ดังนั้น ไม่ควรนิ่งนอนใจ และเห็นควรให้เจ้าของโกดัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งเคลื่อนย้ายสารเคมีในโกดังที่เกิดเหตุออกไปเก็บในพื้นที่อื่นที่มีความมั่นคง ปลอดภัย

“นอกจากนี้ดิฉันยังได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม พิจารณางบฉุกเฉินเพื่อนำมาใช้จัดการปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง  ตลอดจนจะสั่งการให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทุกพื้นที่ แจ้งเตือนผู้ประกอบการให้ระมัดระวังและตรวจสอบโกดังเก็บสารเคมีเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ในช่วงฤดูร้อน” รมว  อุตสาหกรรม กล่าว