นายหน้าซื้อทุเรียนช้ำ! วางมัดจำ2 ล้าน ถึงเวลาห้ามตัดขาย ไม่ให้เงินคืน

View icon 162
วันที่ 19 เม.ย. 2567 | 16.22 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - 2 ผัวเมียที่เป็นพ่อค้าคนกลาง คอยซื้อเหมาทุเรียนตามสวน ร้องไห้มาขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด เหตุถูกเจ้าของสวนทุเรียนโกงเงินมัดจำ 2 ล้านบาท อ้างว่ายกสวนทุเรียนให้ลูกไปแล้ว ห้ามเข้ามาตัดลูกทุเรียน ส่วนเงินมัดจำ 2 ล้านบาท ก็ใช้ซื้อของหมดแล้ว ไม่มีเงินคืนให้ เจอแบบนี้เล่นเอา 2 ผัวเมียจุกอกพูดไม่ออกเลย

เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา นางสาวหัตศกร อัครนพทรัพย์ อายุ 31 ปี พร้อมด้วยสามี เข้ามาขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ขอให้ช่วยเรื่องกฎหมาย เอาผิดกับเจ้าของสวนทุเรียนที่มาหลอกเอาเงินมัดจำไป 2 ล้านบาท

นางสาวหัตศกร เล่าให้ฟังว่า ตนกับสามีเป็นชาวชุมพร ถึงช่วงฤดูทุเรียนออกดอก ตนก็จะตระเวนไปซื้อทุเรียนตามสวน พอดีไปเจอสวนทุเรียนที่ตำบลบ่อเวฬุ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี มีลุงสายัณห์เป็นเจ้าของสวน ลุงจึงพาตนขับรถตระเวนดูสวนทุเรียนเนื้อที่ทั้งหมด 200 ไร่ ตนเห็นว่าตนทุเรียนสวย ใกล้ออกดอกหมดแล้ว ประมาณอีก 120 วัน คงเก็บผลผลิตได้ จากนั้นจึงขอตรวจดูเอกสารว่าใครเป็นเจ้าของสวนทุเรียน โดยตรวจอย่างละเอียดแล้วพบว่าลุงสายัณห์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์สวนทุเรียนนี้จริง จึงตกลงกันว่าจะวางเงินมัดจำกัน 2 ล้านบาท เพื่อขอจองสวนทุเรียนนี้ไว้

โดยวันที่ 4 มกราคม 2567 โอนเงินมัดจำงวดแรกให้ 300,000 บาท และวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ได้โอนเงินมัดจำเพิ่มให้อีก 150,000 บาท จากนั้นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ได้โอนมัดจำงวดสุดท้ายให้อีก 1,550,000 บาท รวมเป็นเงินมัดจำทั้งหมด 2 ล้านบาท จึงเริ่มทำสัญญาจองการตัดลูกทุเรียนกันในวันที่ 14 เลย โดยมีภรรยาของลุงสายัณห์อยู่ด้วยในตอนเซ็นสัญญา

ต่อมาวันที่ 3 มีนาคม 2568 ตนเดินทางเข้าไปดูผลทุเรียนว่าสามารถเก็บได้หรือยัง แต่พอไปถึงสวนทุเรียน ได้พบชาย-หญิง 2 คน อ้างว่าเป็นเจ้าของสวนทุเรียน ได้ไม่ยินยอมให้ตนเข้าไปในสวนทุเรียน ตนจึงนำเอกสารเอกสารสัญญาออกมาแสดงให้ดู ว่าเจ้าของสวนทุเรียนได้เซ็นสัญญาพร้อมรับเงินมัดจำตนไปแล้ว แต่ชายหญิงคู่นั้นก็ยืนยันว่าสวนทุเรียนดังกล่าวเป็นของตน ตนจึงเข้าไปคุยกับคุณสายัณห์ ลุงสายัณห์ได้ให้คำตอบมาว่า ลุงได้ยกที่ดินกับสวนทุเรียนให้ลูกสาวกับลูกชายไปแล้ว ลุงไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินสวนทุเรียนแล้ว พร้อมบอกว่าให้ตนไปตัดทุเรียนอีกสวนที่อยู่หลังเขา ซึ่งสวนนั้นเป็นทุเรียนยืนต้นตายซะส่วนใหญ่ ตนจึงไม่ยินยอม จึงทำการขอเงินมัดจำคืน ปรากฏว่าลุงสายัณห์ตอบมาว่าได้นำไปซื้อของใช้หมดแล้ว ไม่มีเงินคืนให้ ตนจึงบอกไปว่า ถ้าเป็นแบบนี้ตนจะไปแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับลุงที่มาหลอกลวงกันแบบนี้ ตอนที่ตนเข้าไปหาลุงสายัณห์ พบว่าลุงออกออกรถกระบะป้ายแดงกับรถแบ็กโฮมาใหม่ เชื่อว่าน่าจะนำเงินมัดจำของตนไปซื้อ

ต่อมา ในวันที่ 27 มีนาคม 2567 ทางลูกสาวลุงได้ติดต่อให้ตนเข้าไปตัดลูกทุเรียนในสวนได้ เพราะกลัวพ่อจะถูกดำเนินคดี ตนจึงพาทีมงานเข้าไปตัด พอตัดประมาณ 400 กิโลกรัม ตนจ่ายเงินไป 101,920 บาท ก็ถูกสั่งห้ามให้ตัดอีก เพราะลูกสาวกลัวว่าตนจะหักเงินมัดจำ 2 ล้านบาทไปกับค่าทุเรียน คือเป็นที่รู้กันว่าเงินมัดจำ 2 ล้านบาท จะคืนให้ในงวดสุดท้ายของการตัดลูกทุเรียนเสร็จสิ้น หรือไม่ก็หักล้างกันกับค่าทุเรียน) ตนจึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่สภ.ตกพรม จังหวัดจันทบุรี จากนั้นทางตำรวจได้เรียกให้มาไกล่เกลี่ยกัน ตนได้ถามลูกสาวตนว่า ถ้าเจอกับคุณลุงสายัณห์ที่เอาเงินเราไป หนูจะถามลุงว่าอะไร สิ่งที่ลูกพูดตนต้องร้องไห้

ตอนนี้ตนทุกข์ใจหนักมาก ตอนกลางคืนนั่งร้องไห้ ไม่รู้จะทำยังไงดี เงินที่เก็บมาทั้งหมดก็เอาไปลงทุนกับทุเรียนสวนนี้แล้ว แต่ต้องมาถูกโกงแบบนี้ ตอนนี้จนหมดตัวแล้วจริงๆ

ถ้าคุณลุงได้ดูข่าวนี้ คุณลุงน่าจะเห็นใจพ่อค้าแม่ค้านะครับ แม่ค้าเขาลำบากมาก เชื่อว่าคุณลุงก็เคยเป็นชาวสวนมาเหมือนกัน ลุงน่าจะเห็นอกเห็นใจกัน ลุงทำแบบนี้มันจะเสียชื่อไปถึงจังหวัดจันทบุรีด้วย ส่วนลุงจะนำเงินไปซื้อรถป้ายแดง หรือจะไปซื้อรถอะไร แต่เงินมัดจำลุงก็ควรที่จะคืนเขา หลังจากนี้ตนจะประสานไปที่ สภ.ตกพรม เพื่อให้ดูในรูปคดีนี้ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง