กู้ภัยไหว้ขอโทษขับย้อนศร แจงรีบไปช่วยคนเจ็บ

View icon 51
วันที่ 23 เม.ย. 2567 | 06.21 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - กู้ภัยขับรถย้อนศรรีบช่วยคนเจ็บ แจ้งความเอาผิดคนโพสต์คลิป หลังทำให้เสียหาย ยืนยันไม่ตั้งใจแย่งผู้บาดเจ็บ และขอโทษที่ต้องขับย้อนศร

เมื่อวันก่อน เรานำเสนอเหตุการณ์รถมูลนิธิกู้ภัย 2 คัน ขับรถย้อนศรไปช่วยผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ โดยมีการขับรถแซงตัดหน้า ในตอนนั้นเองเจ้าหน้าที่กู้ภัยบนรถคันที่ขับแซงขึ้นไป ได้เปิดประตูลงจากรถเพื่อจะไปช่วยคนเจ็บ ขณะที่คนขับรีบเข้าจอดชิดข้างทาง ประกอบกับช่องเดินรถคับแคบ เลยเบียดชนเจ้าหน้าที่กระเด็นกระแทกรถเก๋งล้มกลิ้ง ส่วนเจ้าหน้าที่ของรถมูลนิธิอีกคันที่ขับตามหลังมากลับนั่งหัวเราะ ก่นด่าแบบสะใจ

เบื้องต้น นายธีระวัฒน์ บุญกระสิทธ์ กรรมการ บก.น.เหนือ มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้ลงโทษลูกน้องด้วยการตักเตือน และทำบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร

ล่าสุด นายจักรพันธุ์ สร้อยพวง เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษม ทำหน้าที่ขับรถ เดินทางไปที่ สน.บางเขน เพื่อดำเนินคดีกับผู้นำคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวไปเผยแพร่ จนเกิดความเสียหาย

นายจักรพันธุ์ ชี้แจงว่า ได้รับแจ้งอุบัติเหตุ บริเวณ กม.4 ถนนรามอินทรา มีผู้บาดเจ็บหลายคน จึงไปตรวจสอบ แต่เมื่อขับไปแล้วพบจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากยูเทิร์น 300-400 เมตร และเห็นรถพยาบาลคันหน้าติดรถที่เลี้ยวออกจากซอย ตนจึงขับเบี่ยงเข้าเลนที่ประชาชนปิดกั้นถนนไว้แล้ว จังหวะจะถึงที่เกิดเหตุ น้องอาสาที่มาด้วยกันได้เปิดประตู เพราะคิดว่าตนจอดรถแล้ว แต่ตนขับรถเดินหน้าไป ทำให้น้องอาสาตกรถ แต่ไม่เป็นอะไรมาก แค่ปากแตกเท่านั้น

นายสหชาติ ลิ้มเจริญภักดี ประธานมูลนิธิเพชรเกษม เปิดเผยว่า ได้มีการลงโทษและตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีดังกล่าว เบื้องต้นสั่งเจ้าหน้าที่งดปฏิบัติงาน 7 วัน และพร้อมยอมรับการดำเนินคดีทางกฎหมายหากมีการแจ้งข้อกล่าวหาจากตำรวจ

ส่วนคลิปที่มีการโพสต์ลงโซเชียล พบมีการตัดต่อ ทำให้มูลนิธิถูกสังคมประณาม โดยหลังจากนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกคน ไม่ให้กระทำการใดที่เป็นการประมาทเลินเล่อ ส่งผลกระทบต่อประชาชน

ด้าน พ.ต.ท. ศุภชัย ชาญคำหล้า รอง ผกก.สอบสวน สน.บางเขน บอกว่า ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก เรื่องขับรถย้อนศร พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาในข้อกฎหมาย เพราะกฎหมายให้พิจารณาที่เจตนาด้วย กรณีนี้มีเจตนาจะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ก็สามารถเข้าข้อยกเว้นไม่ถูกดำเนินคดีได้ อีกทั้งตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก กำหนดให้รถฉุกเฉินสามารถหยุดรถในที่ห้ามจอด, ขับรถเร็วเกินกว่าที่กำหนด, ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร หรือ ฝ่าฝืนทิศทางการเดินรถได้ แต่ทั้งหมดนี้จะต้องใช้ความระมัดระวัง ซึ่งก็จะต้องพิจารณาว่าใช้ความระวังสมควรแก่เหตุหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เพื่อการป้องกันเหตุบาดหมางระหว่างทั้ง 2 มูลนิธิในอนาคต ตำรวจจะเรียกตัวแทนของทั้ง 2 มูลนิธิมาพูดคุย ปรับความเข้าใจในเรื่องการแบ่งพื้นที่ทำงานกันให้ชัดเจนด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง