สนามข่าว 7 สี - ปักหมุดของดีทั่วไทยวันนี้ ลงไปที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่นั้นชาวบ้านเขายึดอาชีพหมักน้ำบูดูส่งขาย จนสร้างรายได้หลักให้ชุมชนรุ่นต่อรุ่น อีกทั้งปัจจุบัน ยังมีโรงงานแปรรูปน้ำบูดูที่มีคุณภาพ ส่งขายไปต่างประเทศ ชนิดที่ว่า เดินเครื่องจักรผลิตเต็มกำลัง ก็ยังผลิตน้ำบูดูออกมาไม่พอส่งขาย ติดตามจาก คุณอรรถพล ดวงจินดา
มาถึงแล้ว หมู่บ้านทำน้ำบูดู ที่บ้านบาเฆะ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ที่นี่ถือเป็นหมู่บ้านชาวเล ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดอาชีพทำประมง แล้วนำปลาทะเลที่เหลือกิน เหลือขาย นำมาหมักแปรรูปเป็นน้ำบูดู จากรุ่นสู่รุ่น จนมองไปทางไหน ก็จะเห็นโอ่งน้ำ วางเรียงกันอยู่หน้าบ้าน กลายเป็นสินค้าขึ้นชื่อ ของดีประจำชุมชนกันเลย
การทำน้ำบูดู ถือเป็นวัฒนธรรมการถนอมอาหาร ที่สืบทอดกันมาหลายช่วงอายุคน ของคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนำไปประกอบเป็นเมนูอาหารได้หลายอย่าง ทั้งเป็นน้ำยาข้าวยำ ปรุงแทนน้ำปลา และอื่น ๆ อีกมากมาย
โดยแต่ละโอ่ง มีส่วนผสม แค่ปลากับเกลือ อย่างปลากะตัก ปลาหลังเขียว หรือ ปลาตัวเล็ก ๆ ตัดหัวตัดหาง เอาไส้ออก 150-170 กิโลกรัม ผสมกับเกลือเพียง 2 อย่าง ใช้เวลาหมัก 6-8 เดือน แล้วก็ตักกรอกใส่ขวด หรือ ใส่ถุง ส่งขายแบบพื้นบ้าน จนสร้างเงินสร้างรายได้ โดยไม่ต้องออกไปทำงานนอกพื้นที่กันเลย
ปัจจุบัน น้ำบูดูกลายเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่นิยมมากขึ้นทั้งของพี่น้องไทยพุทธและมุสลิม อีกทั้งมีโรงงานผลิตน้ำบูดูแหล่งใหญ่ ในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ที่นำเทคโนโลยี ใช้เครื่องจักรผลิตทันสมัย และมีคุณภาพ ทำให้น้ำบูดู ถูกสุขลักษณะ พัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ต่อยอดไปอีกในหลายเมนู สามารถผลิตส่ง-ขายน้ำบูดู ได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ลิตรต่อวันกันเลย
อีกทั้งการเพิ่มเมนู ที่หลากหลาย ทั้งบูดูน้ำใส น้ำข้น บูดูข้าวยำ และเครื่องข้าวยำ ยิ่งทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่ปัจจัยสำคัญของน้ำบูดู คือต้องใช้ระยะเวลาหมัก ทำให้ปัจจุบัน การผลิตน้ำบูดูจากโรงงาน ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
ปัจจุบันมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้ง่ายต่อการขนส่ง มีทั้งบรรจุขวดหลายขนาด บรรจุซอง จึงมีกำลังการผลิตสูงกว่า 2,000 โหลต่อวัน และเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ยังสูตรหมักดั่งเดิม เพื่อรักษาคุณภาพน้ำบูดูชายแดนใต้ เอาไว้นั่นเอง
