สาวตาหวิดบอด 2 ข้าง หลังศัลยกรรมถุงใต้ตา

สาวตาหวิดบอด 2 ข้าง หลังศัลยกรรมถุงใต้ตา

View icon 895
วันที่ 2 พ.ค. 2567 | 14.03 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
กันจอมพลัง พาสาวเจ้าของแบรนด์ครีมยี่ห้อหนึ่งเข้าแจ้งความ หลังทำศัลกรรมถุงใต้ตา แต่เกิดความผิดพลาด ใต้ตาบวมปูดจนเสียโฉม ตาหวิดบอด

วันนี้ ( 2 พ.ค.67) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" พาผู้เสียหาย สาวเจ้าของแบรนด์ครีมยี่ห้อหนึ่ง อายุ  29 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด หลังไปทำศัลยกรรมถุงใต้ตากับแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง แต่เกิดความผิดพลาด ใต้ตากลับบวม จนเสียโฉม ตาเกือบบอด และต้องการให้แพทย์รับผิดชอบเยียวยาค่ารักษากับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะผู้เสียหายไม่กล้ากลับไปศัลยกรรมแก้ไขกับหมอรายเดิม และตอนนี้ต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้า

ผู้เสียหาย เล่าว่า ตอนแรกมีใต้ตาบวมออกมา จึงอยากแก้ไขศัลยกรรมให้เรียบเนียน จึงตัดสินใจหาคลินิกศัลยกรรมแก้ไข จนได้เจอกับแพทย์รายนี้ ค่าผ่าตัด 40,000 กว่าบาท แต่หลังผ่าตัดกลับรู้สึกปวดมาก จึงประสานคลินิกว่าจะสามารถรับประทานยาอะไรได้บ้าง แต่คลินิกกลับให้กินแค่ยาปวดทั่วไป แต่ยังปวดอยู่จนนอนไม่หลับ เมื่อครบ 1 สัปดาห์ ไปพบแพทย์ตามนัดตัดไหม ปรากฎว่าถุงใต้ตาบวมมาก ๆ แพทย์บอกว่าต้องผ่าตัดดูดเลือดที่คั่งออก ซึ่งตอนผ่าตัดรอบที่ 2 เจ็บมาก มีการเปลี่ยนแผนการรักษา แพทย์จ่ายยาเพิ่มอีกหลายตัวให้กินต่อเนื่อง ตนกินต่อเนื่อง เมื่อนัดพบแพทย์รอบต่อไป แพทย์ก็บอกว่าต้องผ่าตัดรอบที่ 3 เพื่อดูดเลือดใต้ตาออกเพิ่ม แต่เอาออกได้เพียงบางส่วน เพราะเลือดแข็งตัว ต้องรับประทานยาต่อเนื่องไปนานกว่า 1 เดือน เหมือนใต้ตาจะดีขึ้น เลือดที่คั่งเหมือนจะจางลงเล็กน้อย แพทย์บอกว่าที่ต้องจ่ายยาให้จำนวนมาก เพราะเสี่ยงตาบอดมาก หากเลือดไปคั่งอยู่ที่กระบอกตาเกิน 10 นาที จนอุดตัน ออกซิเจนเข้าไปไม่ได้ จะทำให้ตาบอด หลังจากนั้นมีการนัดติดตามอาการ แต่ปรากฎว่าเวลาผ่านไป แผลใต้ตาที่บวมเริ่มตกสะเก็ด แห้ง และเริ่มรัดดึงผิวรอบ ๆ ทั้งตรงแก้ม และตรงตา เข้าด้วยกัน ที่ให้ผิวหนังใต้ตาแหกลงมา กระทบต่อชีวิตประจำวัน เหมือนต้องลืมตานอนตลอดเวลาจนตาแห้ง แสบ ซึ่งแพทย์ก็บอกว่าจะต้องผ่าตัดอีกรอบช่วงเดือนหน้า

ตนได้ไปปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลใหญ่ที่อื่น ซึ่งแพทย์อีกคนบอกว่าเนื้อบริเวณใต้ตาตายทั้งหมด และร่างกายเยียวยามาได้เท่านี้ โดยแพทย์แนะนำ 2 ทางเลือกในการแก้ไข คือต้องผ่าตัดนำเนื้อใต้ตาส่วนที่ตายออก และนำเนื้อส่วนอื่นมาผ่าตัดใส่แทน แต่ก็จะมีข้อเสียคือสีผิวคนละสี อาจดูไม่สวยงาม ส่วนอีกวิธีก็คือการใส่บอลลูนเข้าไปที่แก้ม ซึ่งเป็นวิธีซับซ้อนและยากกว่า ต้องผ่าตัดมากกว่า 1 ครั้ง เพื่อยืดให้เนื้อบริเวณตรงแก้มนูนป่องขึ้น หลังจากนั้น 6 เดือนจึงจะผ่าตัดเอาบอลลูนออก และเอาเนื้อส่วนที่นูนมาผ่าตัดชดเชยที่ใต้ตา รวมใช้เวลารักษามากกว่า 1 ปี และการรักษาจะดีขึ้น แต่ไม่กลับมาหายเป็นปกติ 100%

เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ตนเองได้รับความสะเทือนใจหลายครั้ง เริ่มเป็นโรคซึมเศร้า ต้องไปพบจิตแพทย์ แต่ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาที่แก้ไม่หาย และยังส่งผลกระทบด้านลบไปถึงครอบครัว และการงานของตนเองด้วย และไม่แน่ใจแล้วว่าแพทย์ที่ผ่าตัดให้เป็นแพทย์ศัลยกรรมจริงหรือไม่

ด้านกัน จอมพลัง บอกว่า หลังแจ้งความดำเนินคดีกับแพทย์ที่ศัลยกรรมให้ผู้เสียหายแล้ว ตนเองจะประสาน สปสช. กระทรวงสาธารณสุข ให้ตรวจสอบคลินิกดังกล่าวว่าเปิดอย่างถูกต้องหรือไม่ อุปกรณ์ได้มาตรฐาน เหมาะแก่การทำศัลยกรรมหรือไม่ด้วย แพทย์ได้รับอนุญาตหรือไม่ พร้อมแนะนำหากประชาชนจะตรวจสอบว่าแพทย์ท่านใดเป็นแพทย์จริง หรือแพทย์ปลอม สามารถเข้าตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์แพทยสภา หน้าตรวจสอบรายชื่อแพทย์ และสามารถนำชื่อแพทย์ที่ตนเองสงสัยไปตรวจสอบได้ก่อนเข้ารับการรักษา ศัลยกรรม หรือหัตถการใดๆ

ส่วนการรักษาผู้เสียหายนั้น กัน จอมพลัง เปิดเผยว่าระหว่างที่ผู้เสียหายแจ้งความ ทางโรงพยาบาลยันฮีได้ติดต่อมาขอดูรูปผู้เสียหาย เพื่อส่งให้แพทย์โรงพยาบาลยันฮีประเมินอาการว่าสามารถรักษาได้หรือไม่ ซึ่งทางแพทย์ตอบรับแล้วว่าจะรักษาให้ พร้อมดูแลค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด โดยนัดหมายผู้เสียหายเข้าประเมินอาการอย่างละเอียดในช่วงบ่ายวันนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง