ตำรวจ ปปป. รวบอดีต ผจก.แบงก์กับผู้ใหญ่บ้าน ฉ้อโกงชาวบ้านกว่า เสียหายรวมกว่า 40 ล้านบาท

ตำรวจ ปปป. รวบอดีต ผจก.แบงก์กับผู้ใหญ่บ้าน ฉ้อโกงชาวบ้านกว่า เสียหายรวมกว่า 40 ล้านบาท

View icon 235
วันที่ 3 พ.ค. 2567 | 07.19 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตำรวจ ปปป. รวบอดีต ผจก.แบงก์กับผู้ใหญ่บ้าน ร่วมมือกันใช้วิธีการหลอกฉ้อโกงชาวบ้านกว่า 58 ราย กู้เงินกับธนาคาร เสียหายรวมกว่า 40 ล้านบาท

วันนี้ (3 พ.ค. 67) พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป.  นำทีมออกสืบสวน จนพบว่า พบอดีตผู้จัดธนาคารหลบหนีมากบดานเปิดแผงพระเครื่องย่านรังสิต ส่วนอดีตผู้ใหญ่บ้าน หนีไปเป็น รปภ. ตามบริษัทต่างๆ ใน จ.ฉะเชิงเทรา จึงนำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหารับสารภาพ ทำจริง และรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 6 จังหวัดพิษณุโลก และยังไม่เคยถูกจับมาก่อน

สืบเนื่องจากราวปี 2555 - 2559 ขณะนั้นผู้ต้องหานี้ เป็นผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ได้มีชาวบ้านรวมกันเป็นกลุ่มเพื่อมาขอกู้เงินนำไปพัฒนาองค์กรชุมชน ตามโครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาชนบท แบบรายกลุ่มและนอก จากนั้นยังสามารถกู้เป็นในส่วนของรายบุคคลได้

โดยร่วมมือกับอดีตผู้ใหญ่บ้าน ต.แก่งโสภา ซึ่งให้ผู้ใหญ่บ้านทำหน้าที่เป็นผู้หาลูกค้าที่เป็นชาวบ้านในชุมชนของตนเอง เพื่อมากู้เงินนำไปพัฒนาชุมชน ชาวบ้านบางคนก็มีสิทธิ์ที่จะกู้ได้บางคนก็ไม่มีสิทธิ์ แต่ได้ทำการหลอกลวงชาวบ้านว่า หากต้องการที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องกู้เงินให้ได้มียอดเยอะๆ โดยขอส่วนแบ่ง เป็นเงินกู้ครึ่งหนึ่งและจะช่วยผ่อน

หากทำตามนี้จะได้รับการอนุมัติเงินกู้อย่างง่ายๆแต่สุดท้าย เมื่อได้ครึ่งหนึ่งของเงินกู้ตามที่ชาวบ้านร้องขอไปแล้วกลับเชิดเงินหนี รวมยอดความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท ชาวบ้านแห่ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมพิษณุโลก จึงลาออกแล้วหลบหนีลอยนวล จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ ตำรวจ บก.ปปป. บุกรวบจับได้

จากการสอบสวน อดีตผู้ใหญ่บ้าน ยอมรับว่า ได้ร่วมมือกับอดีตผู้จัดการธนาคารหาลูกค้าเป็นชาวบ้านในชุมชนตัวเอง มาเพื่อกู้เงินโดยสามารถกู้เงินจากธนาคารได้ทั้งแบบกลุ่มและแบบรายบุคคล โดยอ้างเหตุจูงใจว่าหากชาวบ้านท่านใดที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะกู้เงินตามโครงการ แต่ต้องการจะกู้ให้เขียนยอดกู้เผื่อตนกับผู้จัดการธนาคารเพิ่มอีกเท่าตัวของจำนวนเงินที่ตั้งใจไว้

ทางด้านอดีตผู้ใหญ่บ้าน ให้การอีกว่า และรับปากว่าจะช่วยผ่อนชำระเพื่อให้ชาวบ้านคนนั้น ๆ ได้รับเงินไปใช้ก่อน ตามจำนวนที่ต้องการ แต่สุดท้ายตนเหมือนถูกผู้จัดการธนาคารหลอกใช้ โดยตนจะไม่ได้ส่วนแบ่งแล้ว ยังมาถูกดำเนินคดี มีหมายจับติดตัวอีก

ส่วนทางด้าน อดีตผู้จัดการธนาคาร รับสารภาพว่า ทำจริง แต่ก็ไม่ได้อยู่สบาย เพราะถูกดำเนินคดีอื่น ๆ อีกหลายคดี ยึดทรัพย์จนหมดตัว หลบหนีมาขายพระเครื่องย่านรังสิตหากินไปวัน ๆ และไม่ติดต่อกับใครหรือกลับบ้านเกิดแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.ศานุวงษ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้มูลค่าทรัพย์ที่เสียหายคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้นกว่า 40 ล้านบาท การกระทำดังกล่าวนี้ อาจเกิดอยู่ในหลายหน่วยงานที่ยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างจริงจังหรือมีการกระทำเป็นลักษณะขบวนการที่แนบเนียน อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่ง บก.ปปป. ไม่สามารถปล่อยให้ลอยนวลอยู่ได้

โดยพ.ต.อ.ศานุวงษ์ ขอฝากประชาสัมพันธ์หากพบการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่สายด่วน กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง