จากเหตุการณ์ นายวีรพงศ์ อายุ 28 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ โดยมี น.ส.ศิริพร อายุ 29 ปี ภรรยา นั่งซ้อนท้าย แล้วขี่ฝ่าสัญญาณไฟแดง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา บริเวณสี่แยกปักธงชัย หรือแยกอวยชัย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ทำให้ชนกับรถยนต์เก๋งเข้าอย่างจัง เป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทั้ง 2 คน
ล่าสุดวันนี้ (4 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านในพื้นที่หมู่ 14 ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านของผู้เสียชีวิต ครอบครัว ญาติพี่น้อง ได้นำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน มาตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่บ้าน สร้างความหดหู่ใจให้กับบรรดาญาติสนิท และเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก ซึ่งตลอดทั้งวันนี้ที่บ้านมีบรรดาญาติพี่น้อง เพื่อน ๆ หัวหน้า และเพื่อนร่วมงานเดินทางเคารพศพแสดงความเสียใจกับครอบครัวอย่างต่อเนื่อง และทุกคนต่างสลดใจหดหู่เมื่อต้องมาเห็นภาพโลงศพของสองสามีภรรยาตั้งเคียงกัน และยังมีป้ายไวนิลไว้อาลัยเป็นรูปคู่ของทั้ง 2 คน ที่อยู่ในโทนสีขาวดำ
นางละไม อายุ 48 ปี แม่ของนายวีรพงศ์ บอกว่า ลูกชายและลูกสะใภ้แต่งงานอยู่กินกันมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ประมาณ 10 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นลูกสาว วัย 8 ขวบ ส่วนคนเล็กเป็นลูกชาย วัย 4 ขวบ คู่นี้รักกันมาก แม้จะมีปากเสียงกันบ้าง ก็ตามประสาสามีภรรยาวัยรุ่นทั่วไป แต่ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงหรือถึงขั้นลงไม้ลงมือ ทั้งสองเป็นคนอัธยาศัยดี เป็นที่รักของญาติพี่น้องและคนรอบข้าง ขยันขันแข็งทำมาหากินตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว ได้เข้าไปเป็นพนักงานของบริษัทเอกชนผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่งย่านชานเมือง จ.นครราชสีมา ประมาณ 1 เศษ ซึ่งหลังจากได้งานนี้ ทั้งคู่ก็ต้องเดินทางจาก ต.ครบุรีใต้ ไปที่ทำงานทุกวัน วันละเกือบ 50 กิโลเมตร โดยตนจะคอยเลี้ยงดูแลหลานทั้ง 2 คน ที่บ้านให้ พอถึงวันหยุดทั้งลูกชายกับลูกสะใภ้ก็จะอยู่กับลูก ๆ พาไปเล่นไปเที่ยวตามประสาพ่อแม่ลูก เป็นครอบครัวที่อบอุ่นอย่างมาก
นางละไม บอกอีกว่า ตอนนี้ ก็ยังทำใจไม่ได้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น รู้สึกเสียใจมาก ไม่ว่าจะเป็นลูกชายของตัวเองหรือลูกสะใภ้ จึงบอกกับพ่อแม่ฝ่ายหญิงว่า อยากให้จัดงานศพทั้งคู่ที่เดียวกัน ไม่อยากให้ทั้งคู่แยกจากกันไปไหน เพราะเขารักกันมาก และตนกับครอบครัวจะเลี้ยงดูแลหลานทั้งสองเป็นอย่างดี เหมือนกับที่เคยเลี้ยงลูกตัวเองมา แม้ว่าจะต้องลำบากเพียงใดก็ตาม ส่วนเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้หลังจากเกิดเหตุ คู่กรณีซึ่งเป็นหญิงพร้อมสามีชาวต่างชาติที่เป็นคนขับรถ ก็ได้เดินทางมาแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยแล้ว และบอกว่า จะขอมาเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพให้ 1 คืน และมอบเงินช่วยค่าจัดงานมาส่วนหนึ่งด้วย
