ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจากที่ข่าวเย็นประเด็นร้อน นำเสนอเรื่องราวเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่ง กู้เงินธนาคาร แต่พนักงานไม่ยอมให้เข้าไปเซ็นสัญญาในธนาคาร กลับให้รอเซ็นที่ร้านกาแฟ จากนั้นมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ทยอยเรียกเก็บเพิ่มเข้ามา โดยไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไรบ้าง ล่าสุดธนาคารออกมาชี้แจงแล้ว
จากกรณีนางสาวกนกวรรณ มณฑิราช เจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งร้องว่า ไปกู้เงินจากธนาคาร 4,980,000 บาท แบบวางเงินเป็นหลักประกัน ตอนแรกมีค่าใช้จ่ายไม่มาก แต่พอจะทำสัญญากู้ กลับแจ้งว่ามีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่พนักงานธนาคารไม่เคยบอก 600,000 กว่าบาท
ค่าใช้จ่ายดังกล่าว มีทั้งที่เพิ่มมาในวันเซ็นสัญญา และทยอยเพิ่มมาทีหลัง ในจำนวน 600,000 กว่าบาท จะมียอดเงิน 500,000 กว่าบาท ที่ถูกนำไปทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงิน ซึ่งคุณกนกวรรณ บอกว่าไม่เคยรับรู้มาก่อน เพราะพนักงานที่อ้างว่าเป็นระดับผู้จัดการ ไม่เคยบอกเรื่องนี้ จำนวนเบี้ยประกัน 420,000 กว่าบาท ถ้านำไปจ่ายประกันจริง เงินที่หักไป 534,500 กว่าบาท ก็หายไป 100,000 กว่าบาท และผู้จัดการได้ค่าคอมมิชชันถึง 40 เปอร์เซ็นต์
อีกทั้งในวันเซ็นสัญญา ไม่ยอมให้เข้าไปเซ็นสัญญาที่ธนาคาร บอกว่าธนาคารแคบ ไม่มีพื้นที่ แต่ให้รอที่ร้านกาแฟหน้าห้างสรรพสินค้า จากนั้นให้พนักงานหญิงอีกคนนำสัญญามาให้เซ็น
หลังกู้ผ่านไปไม่ถึงเดือน ผู้จัดการคนเดิม ให้จ่ายค่าค้ำเงินกู้ของ บสย. หรือบริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม อีก 90,500 บาท แต่ในใบเสร็จของ บสย. พบว่าถูกจ่ายจริงเข้า บสย. เพียง 37,500 บาท เงินหายไป 53,000 บาท
ล่าสุดธนาคารไทยเครดิต ชี้แจงผ่านเพจ และส่งเอกสารแถลงการณ์ให้ข่าวเย็นประเด็นร้อน ใจความว่า ธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจ และเร่งสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่า ธนาคารฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนปกติ และถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย จากนั้นชี้แจงทีละประเด็น
ประเด็นสำคัญที่ลูกค้าติดใจ อย่างประเด็นการทำประกันชีวิต อธิบายว่า เป็นประกันคุ้มครองตัวลูกค้า กรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน ประกันจะชำระหนี้ทั้งหมดแทน และลูกค้ายังสมัครทำประกันสุขภาพอีก 2 กรมธรรม์ พร้อมยืนยันว่า ได้อธิบายขั้นตอนให้ฟัง ซึ่งลูกค้าลงลายมือชื่อสมัครทำประกันชีวิตเอง
ส่วนประเด็นค่าธรรมเนียม บสย. ชี้แจงว่า ค่าธรรมเนียมปีแรก และปีต่ออายุไม่เท่ากัน ซึ่งธนาคารนำเงินที่ลูกค้าชำระไปจ่ายให้ บสย. เต็มจำนวน
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นแจ้งยกเลิกประกัน ที่ธนาคารชี้แจงว่า นอกจากทีมขายสินเชื่อ จะมีอีกทีมที่คอยโทรติดต่อลูกค้า เพื่อชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงแจ้งยกเลิกประกันชีวิต หากลูกค้าไม่ต้องการ
ประเด็นสุดท้าย ที่คุณกนกวรรณ คาใจว่า พนักงานระดับผู้จัดการ และพนักงานหญิงอีกคน ที่ไปขายสินเชื่อให้ เป็นพนักงานจริงหรือไม่ ในแถลงการณ์ระบุว่า เป็นพนักงานของธนาคารทั้ง 2 คน คนแรก เป็นผู้จัดการเขตลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ตำแหน่งระดับผู้ช่วยผู้อำนวยการ และคนที่ 2 เป็นผู้จัดการความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี โดยชี้แจงเพิ่มตรงนี้ว่า ได้สอบสวนพนักงานทั้งสองคน ยืนยันทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ช่วงท้ายของแถลงการณ์ ระบุว่า ธนาคารอยู่ระหว่างสรุปเหตุการณ์ และจะเข้าไปพบกับลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจในเอกสาร และขั้นตอนการทำงานของพนักงาน
ขณะที่คุณกนกวรรณ ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่ร้องเรียน บอกว่า ได้อ่านแถลงการณ์ชี้แจงของธนาคารแล้ว มีหลายอย่างที่น่าจะเป็นการฟังข้อมูลจากพนักงานธนาคารฝ่ายเดียว เช่น กรณีประกันชีวิต ไม่ได้เซ็นชื่อเพื่อทำประกัน แต่เป็นการเซ็นชื่อในสัญญากู้เงิน และการค้ำประกันของ บสย. ทางคุณกนกวรรณ บอกว่า ลายเซ็นที่เซ็นไว้ ไม่ใช่ลายเซ็นเธอ ถูกปลอมลายเซ็น ส่วนที่ธนาคารบอกว่า มีเจ้าหน้าที่อีกทีมโทรติดตามเรื่องประกัน เธอก็บอกว่า ไม่เคยมีใครโทรติดตาม ที่รู้ว่าเงินถูกนำไปทำประกัน ก็เพราะประกันโทรมาเพื่อจะต่ออายุประกัน