แม่กับป้าสงสัยนายจ้างลวงสาวไทยไปฆ่าบนเขาที่ไต้หวัน

แม่กับป้าสงสัยนายจ้างลวงสาวไทยไปฆ่าบนเขาที่ไต้หวัน

View icon 416
วันที่ 12 พ.ค. 2567 | 19.53 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
จากกรณี สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ไทเป ได้รับรายงานจากตำรวจไต้หวัน กรณี น.ส.สุดธิดา อายุ 32 ปี ชาว อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากการถูกทำร้าย บนภูเขา ในพื้นที่เมืองจีหลง ประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ (12 พ.ค. 67) เมื่อเวลา 17.30 น. ที่ผ่านมา ที่บ้านของผู้เสียชีวิต พบญาติและเพื่อนบ้านนั่งจับกลุ่มพูดเรื่องการเสียชีวิตของ น.ส.สุดธิดา โดย นางดวงพร อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นป้าของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเป็นคนเลี้ยงผู้เสียชีวิตมาตั้งแต่เด็ก เพราะแม่ผู้เสียชีวิตจะไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ โดยผู้เสียชีวิตแยกทางกับสามี มีลูก 2 คน เป็นผู้ชายทั้งคู่ อายุ 14 ปี และ 4 ขวบ จากนั้นเมื่อเดือน เม.ย. 66 ได้เดินทางไปทำงานร้านนวดแผนโบราณที่ไต้หวัน เพราะต้องการหาเงินเลี้ยงลูก และอยากทำบ้านให้ลูก ซึ่งขอวีซาไป 3 เดือน พอวีซาหมดจะกลับบ้าน แต่ไม่อยากกลับ เพราะได้เงินดี จึงทำงานต่อ

ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตจะส่งเงินกลับมาเลี้ยงลูกเดือนละ 4,000- 7,000 บาท และจะโทรมาหาลูกประจำ เพราะห่วงลูก ต่อมาทราบว่าผู้เสียชีวิตได้ย้ายงานใหม่ ไปสมัครทำงานแม่บ้าน ทำงานได้ 3 วัน ก็โทรกลับมาเล่าให้ฟังว่า นายจ้างใช้งานหนัก ไม่ยอมให้พักผ่อน โดยนายจ้างเป็นชาวไต้หวัน แต่มีภรรยาเป็นชาวไทย เป็นชาว จ.ลำปาง ทำงานหนักมาก แต่จะอดทน ถ้าได้เงินเก็บสักก้อนมาทำบ้านใหม่ และสะสมทองไว้ น้ำหนัก 4-5 บาท

สำหรับคืนเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตโทรมาเล่าว่า นายจ้างผู้หญิงใช้ซักกางเกงใน ด้วยความโมโห ประกอบกับไม่ยอมให้กินข้าว ผู้เสียชีวิตเลยเตะถังน้ำใส่นายจ้าง และช่วงเวลา 19.00 น.คืนเดียวกัน ผู้เสียชีวิตบอกว่านายจ้างชวนขึ้นไปเก็บผักบนภูเขา และเดินทางไปเวลา 20.00 น. พอตื่นเช้าแฟนหนุ่มชาวนครพนมที่พบรักกันอยู่ไต้หวัน โทรมาบอกว่า หลานสาวถูกฆ่าตายบนภูเขา และติดต่อกับผู้เสียชีวิตตลอด จึงทำให้รู้พิกัดและเป็นผู้แจ้งตำรวจ

นางดวงพร บอกอีกว่า ตนมีลางสังหรณ์ หนังตาข้างขวากระตุก 2-3 วัน เสียใจที่สุด พอทราบข่าวก็แค้น เพราะเลี้ยงผู้เสียชีวิตมาตั้งแต่เล็ก และยังเลี้ยงหลานอีก ลูกคนโตผู้เสียชีวิตพอรู้เรื่องก็นั่งร้องไห้ สงสารหลานมาก ซึ่งตนสงสัยนายจ้างจะเป็นคนฆ่า อยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้

ด้าน นางผ่องอำไพ อายุ 45 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูก 2 คน น.ส.สุดธิดา เป็นลูกคนสุดท้อง ตนไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯประจำ โดยมีพี่สาวเลี้ยงผู้เสียชีวิต แต่เมื่อ 3 วันก่อนได้กลับมาบ้าน เพื่อหางานทำที่บ้าน และดูแลหลาน ก่อนลูกจะเสียชีวิต ก็ได้โทรคุยกับลูกตอนกลางคืน พอตื่นเช้ากำลังจะไปทำงาน เพื่อนลูกโทรมาบอกว่าลูกฆ่าตัวตาย ตนก็เถียงไปว่าจะฆ่าตัวตายทำไม เพราะผู้เสียชีวิตห่วงลูกมาก ตนรู้สึกเสียใจมาก ใจสลาย สงสารลูกสาว ก่อนลูกจะเสียชีวิต ตนมีลางสังหรณ์สุนัขหอนทั้งคืน สุนัขหอนก็คิดว่าเห็นวิญญาณเพื่อนบ้านที่ตายมากกว่า ไม่คิดว่าจะเป็นวิญญาณลูก อยากได้ศพลูกกลับบ้าน อยากให้ทางการจับคนร้ายให้ได้