เจ้าของบ้านสุดช้ำ หลังบ้านและปั๊มน้ำมันเก่าที่ทิ้งร้างไป ถูกหัวขโมยเข้าทำการขโมยทรัพย์สินทั้งที่เป็นสายไฟฟ้าทองแดงในตู้จ่ายน้ำมัน แอร์ และทรัพย์สินอื่นๆอีกจำนวนมาก รวมแล้วกว่า 3 ครั้ง สูญเสียทรัพย์สินนับล้านบาท วอนเจ้าหน้าที่ช่วยจับกุมหัวขโมยมาดำเนินคดี
นายธนพัต ธรรมสอน หนุ่มใหญ่วัย 79 ปี ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้ นำผู้สื่อข่าวเข้าดูสภาพของความเสียหายบริเวณหัวจ่ายน้ำมันและอาคารสำนักงานที่เป็นปั๊มน้ำมันเก่า บริเวณเลขที่ 113 หมู่ที่ 3 ตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา หลังถูกหัวขโมยเข้าทำการรื้อและตัดเอาทองแดงตลอดจนถึงเหล็กต่างๆภายในบริเวณตู้น้ำมันที่มีอยู่ทั้งหมดจำนวน 6 ตู้ออกไปหมด รวมทั้งรางระบายน้ำที่เป็นเหล็ก และสายไฟฟ้าที่ติดตั้งภายในอาคารก็ถูกรื้อออกจนหมด จนทำให้สภาพอาคารได้รับความเสียหายอย่างหนัก
นอกจากนั้นหัวขโมยยังได้เข้าทำการขโมยของบริเวณภายในบ้านเลขที่ 119 ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน ที่ติดกับปั๊มน้ำมันที่เจ้าของบ้านไม่ได้อยู่อาศัยโดยหัวขโมยได้ทำการงัดบ้านเข้าไปทำการตัดสายไฟทั้งระบบของบ้านออกจนหมดและยังทำการรื้อแอร์จำนวน 4 ตัว โดยได้รื้อและนำเอาคอมเพรสเซอร์ของแอร์ ออกทั้งหมดและมีการรื้อข้าวของนำทรัพย์สินที่มีค่าภายในบ้านออกไป จนไม่เหลืออะไรเลยและยังทำการนำทรัพย์สินซึ่งเป็นเครื่องมือในการก่อสร้างอีกหลายรายการออกไป
โดยนายธนพัต ธรรมสอน เล่าว่า ว่าปั๊มน้ำมันและบ้านหลังดังกล่าวนั้นตนเองไม่ได้อยู่อาศัยมาเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปีเศษ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ปล่อยให้คนเข้ามาเช่าโดยทำการเปิดเป็นคาร์แคร์และอู่สีรถยนต์แต่ต่อมาได้มีการยกเลิกสัญญาเช่า และปล่อยทิ้งไว้แต่ทรัพย์สินภายในบ้านยังไม่ได้นำออกไป ซึ่งปรากฏว่าได้มีหัวขโมยเข้าทำการขโมยสิ่งของรวมถึง 3 ครั้งแล้ว โดยครั้งแรกนั้นตนเองยังอาศัยอยู่ในบ้านนี้ จะมีการขโมยทั้งในเรื่องของเงินสด สร้อยคอทองคำ พระเลี่ยมทอง พร้อมอาวุธปืนซึ่งมูลค่ารวมแล้วหลายแสนบาท แต่ครั้งที่ 2 และที่ 3 ได้มีการเข้าทำการขโมยทรัพย์สินที่มีค่า หลังจากที่ตนเองย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง ซึ่งมีทั้งอุปกรณ์การก่อสร้างต่างๆ รวมทั้งมีการงัดตู้เติมน้ำมัน จำนวน 6 ตู้โดยการนำทองแดงและสายไฟที่อยู่ภายในบริเวณตู้ออกไป โดยการทำการรื้อระบบไฟและนำสายไฟออกไปทั้งหมด รวมทั้งที่อาคารสำนักงานปั๊มน้ำมัน และบ้านเรือนที่อยู่อาศัย มีการค้นสิ่งของที่มีค่าภายในบริเวณบ้านออกไปจนเกลี้ยงมูลค่าความเสียหายมากกว่าหนึ่งล้านบาท จึงขอวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการในการหาหัวขโมยดังกล่าวมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก
