เช้านี้ที่หมอชิต - แมงอีนูนแพงเป็นเหตุ ชาวบ้านแย่งพื้นที่ดักตาข่าย บานปลายมีปากเสียง ชักมีดกระหน่ำแทงเสียชีวิต 1 ราย
นายกฤษณะ อายุ 46 ปี ถือมีดสปาร์ตาเข้ามอบตัวกับตำรวจสายตรวจประจำตำบลนาบ่อคำ จังหวัดกำแพงเพชร หลังก่อเหตุแทงนายวิโรจน์ อายุ 42 ปี จนเสียชีวิต บริเวณป่าละเมาะ ท้ายหมู่บ้านสร้อยสุวรรณ ช่วง 21.00 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม
ตำรวจเข้าตรวจสอบ พบกองเลือดตามพื้นและไม้ 1 ท่อน ในที่เกิดเหตุพบตาข่ายสำหรับดักจับแมงอีนูนกางขึงอยู่
สอบสวนผู้ก่อเหตุ ให้การอ้างว่า ขณะตนกับแม่กางตาข่ายดักจับแมงอีนูนรอบใหม่ ถูกผู้เสียชีวิตบุกหาเรื่อง ดึงตาข่ายของตนออก ทำให้มีปากเสียงกัน ผู้เสียชีวิตด่าทอแม่และทำร้ายตน ใช้ด้ามปืนตบหน้าและใช้ไม้ตีอีกหลายครั้ง ก่อนยิงปืนใส่ 3 ครั้งแต่กระสุนด้าน ตนจึงป้องกันตัว หยิบมีดที่พกติดตัวมาแทงไปผู้เสียชีวิต 1 ครั้ง หลังก่อเหตุตนถือมีดไปแจ้งตำรวจ พร้อมมอบตัว
ขณะที่นางนิล แม่ผู้ก่อเหตุ กลับให้การขัดแย้งกับลูกชาย โดยบอกว่า ขณะมาช่วยลูกชายกางตาข่าย พบตาข่ายของลูกพันกับตาข่ายคนอื่น จึงแกะตาข่ายที่พันกันออก แล้วม้วนเก็บพันหลักไว้ ปราฏว่าผู้เสียชีวิตมาเห็นพอดี แสดงตัวเป็นเจ้าของตาข่ายด้วยความไม่พอใจ โวยวายด่าทอตน ทำให้ลูกชายมีปากเสียงกับผู้เสียชีวิต จากนั้นผู้เสียชีวิตลงมือทำร้ายลูกชายก่อน ตนพยายามห้ามแต่ผู้เสียชีวิตไม่ฟัง ลูกชายจึงหยิบมีดแทงผู้เสียชีวิต
ตำรวจไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ก่อเหตุจะแทงผู้เสียชีวิตแค่ครั้งเดียว เพราะผลชันสูตรพลิกศพนายวิโรจน์ พบถูกแทงเข้าชายโครงซ้าย 1 แห่ง ถูกฟันหน้าผาก 2 แห่ง และที่ศีรษะด้านหลังอีก 2 แห่ง รวม 5 แห่ง แถมที่ลำคอมีรอยถูกเชือกรัดจนเขียวช้ำ ส่วนอาวุธปืนที่แม่ลูกอ้างเป็นของผู้เสียชีวิต ยังหาไม่พบ
ด้านนางพิมพ์จันทร์ แม่ผู้เสียชีวิตบอกว่า ทั้งสองคนรู้จักกันดี ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน หลังจากนี้ญาติผู้เสียชีวิตจะมาขอขมาก็ยินดี ไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่มาช่วยทำศพก็พอ
ส่วนคดี พันตำรวจเอก เอนก จันทร์ศร รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดกำแพงเพชร สรุปว่า สาเหตุมาจากแย่งขึงตาข่ายดักจับแมงอีนูน เนื่องจากช่วงนี้ฝนเริ่มตกใหม่ ๆ แมงอีนูนจะบินออกจากที่ซ่อนเพื่อจับคู่ผสมพันธ์ ซึ่งชาวบ้านจะกางตาข่ายจับไปขายแม่ค้าหารายได้เสริมตัวละ 2 - 2.50 บาท ซึ่ง 1 ปีจะมีแค่ครั้งเดียว
