เครือข่ายกัญชา บุก สธ. ยื่น 3 ข้อเสนอ จี้พิสูจน์ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ขู่อย่าดึงดันตบตาสังคมให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด กู้หน้าความผิดพลาดนโยบายยาบ้า 5 เม็ด
วันนี้ (16 พ.ค.67) เครือข่ายกัญชานำโดยนายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย รวมตัวเข้ายื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรณีการนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด โดยมีข้อเสนอดังนี้
กัญชาควรควบคุมด้วยกฎหมายรูปแบบไหน สถานการณ์ปัจจุบันนี้กัญชาสามารถควบคุมโดยการออกกฎหมายระดับสูงสุดเพื่อควบคุมเชิงระบบให้มีประสิทธิภาพคือกฎหมาย ‘พระราชบัญญัติกัญชา’ หรือ จะควบคุมโดยกฎหมาย ‘ยาเสพติด’ การควบคุมด้วยกฎหมายทั้ ง 2 รูปแบบ มีความแตกต่างกัน การควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด เท่ากับเอากัญชาไปขังคุกและจะทำกติกาให้กลุ่มเฉพาะเท่านั้นที่ปลูกได้ เพื่อรองรับมูลค่ากัญชาหลายหมื่นล้านบาท การควบคุมด้วยกฎหมายยาเสพติดคือการปิดโอกาสในการใช้ประโยชน์ของประชาชนและการควบคุมเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคก็จะกระทำไม่ได้เพราะจะเกิดกัญชาใต้ดินเต็มไปหมด นี่คือเหตุผลที่ประเทศเยอรมนีเลือกใช้กฎหมายปกติในการควบคุมเพราะมีประสิทธิภาพมากกว่า
ส่วนรูปแบบที่ควบคุมโดยกฎหมายพระราชบัญญัติ มีเป้าหมายสำคัญคือการควบคุมเพื่อดึงข้อดีมาใช้และควบคุมข้อเสียอย่างมีประสิทธิภาพ วางรากฐานการพัฒนาเชิงระบบทั้งการผลิต แปรรูป วิจัยและพัฒนา ออกแบบกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ให้นำประโยชน์มาใช้ได้จริงและไม่ผูกขาดกัญชาเพื่อคนกลุ่มใด จะต้องใช้กฎหมายปกติที่สามารถออกแบบกลไกเชิงระบบได้
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยและภาคีจึงเรียนไปยัง รมว.สาธารณสุข ว่าอย่าคอรัปชันในกระบวนการจัดทำนโยบาย กัญชาต้องควบคุมด้วยกฎหมายที่มีประสิทธิภาพคือพระราชบัญญัติ
สำหรับการพิจารณานำกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ทั้งที่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของกรรมการทุกชุดและผ่านความเห็นชอบในหลักการของสภาฯ ชุดที่แล้วว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ฉะนั้นการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดต้องมีข้อเท็จจริงใหม่ มิเช่นนั้น จะกลายเป็นว่า รมว.สาธารณสุข ใช้อำนาจในการกำหนดนโยบายแต่ไม่ได้ใช้ข้อเท็จจริง
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอให้ รมว.สธ. กลับมาใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดและเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยขอให้ รมว.สธ. จัดทำข้อเท็จจริงเปรียบเทียบให้เห็นถึง ข้อดี ข้อเสีย การก่อโรคและการมีคุณสมบัติรักษาโรคระหว่าง สิ่งที่อนุญาตให้อยู่กับสังคมได้ในขณะนี้คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ โดยเปรียบเทียบกับสิ่งที่ รมว.สธ. ตัดสินไปแล้วว่าจะนำสู่บัญชียาเสพติดคือกัญชา เพื่อให้สังคมไทยทั้งหมดเห็นว่า ผู้ใดที่ทุจริตข้อมูล เบี่ยงเบนข้อเท็จจริง เพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมายในการควบคุมกัญชา
3. คำสั่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้หมายถึงให้เอากลับไปเป็นยาเสพติด แต่ให้ไปศึกษาว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เกิดผลดีผลเสียอย่างไร หากมีผลเสียมากกว่าก็ให้นำกลับไปสู่บัญชียาเสพติด หากไม่ได้มีผลเสียหายอะไรก็ไม่ต้องนำกลับไป ดังนั้นจึงเสนอให้ สธ.ตั้งกรรมการร่วมขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อจัดทำข้อมูลกัญชาเชิงระบบ และนำข้อมูลนั้นมาตัดสินใจในการกำหนดนโยบายกัญชา กรรมการร่วมดังกล่าวจะต้องประกอบด้วย ภาครัฐ ภาคประชาชน ภาควิชาการ และจะต้องนำเสนอข้อมูลนี้ต่อสาธารณะให้รับทราบโดยทั่วกัน
นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า เครือข่ายขอให้กระทรวงปฏิบัติตามกำหนดเวลาในการจัดทำข้อเท็จจริง เปรียบเทียบระหว่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ กัญชา โดยขอให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.67 หากพรรคเพื่อไทย โดยนายสมศักดิ์ ต้องการเอาใจประชาชนจากความผิดพลาดในการออกนโยบายยาบ้า 5 เม็ด แล้วจะบอกกับสังคมว่าพรรคนี้เอาจริงเรื่องยาเสพติด ด้วยการนำกัญชากลับไปขังคุก การใช้อำนาจโดยไม่ใช้ข้อเท็จจริง พรรคเพื่อไทยจะได้รับบทเรียนจากสังคม“ นายประสิทธิ์ชัย กล่าว