พิษกองทุนหมู่บ้าน อดีตกรรมการสุดช้ำ ต้องหมดตัวใช้หนี้ 3.7 ล้าน แทนคนทั้งหมู่บ้าน

พิษกองทุนหมู่บ้าน อดีตกรรมการสุดช้ำ ต้องหมดตัวใช้หนี้ 3.7 ล้าน แทนคนทั้งหมู่บ้าน

View icon 24.8K
วันที่ 19 พ.ค. 2567 | 17.14 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อดีตกรรมการกองทุนหมู่บ้านหนองเรือ ศรีสะเกษ สุดช้ำ ควักเนื้อใช้หนี้แทนคนทั้งหมู่บ้าน 3.7 ล้าน ที่นามรดกเตรียมโดนยึด ไร่ที่ดินทำกิน ทั้งที่ไม่ใช่หนี้ตัวเอง

กองทุนหมู่บ้าน วันนี้(19 พ.ค. 2567) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านหนองเรือหมู่ 6 ต.ละทาย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ไปพบกับ นางวาสนา สมพงษ์ อายุ 58 ปี อดีตคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านหนองเรือ หมู่ 6 ร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชน ว่าถูกสมาชิกและคณะกรรมการกองทุนฯ กว่า 50 คน มากู้ยืมเงินจากกองทุนหมู่บ้านฯ รวมกว่า 3.7 ล้านบาท แล้วไม่ชำระหนี้ทั้งต้นและดอกเบี้ย ส่งผลทำให้ถูกธนาคารยึดทรัพย์ที่ดินทำกินของตนเอง เตรียมขายทอดตลาด ทั้งที่มูลหนี้ดังกล่าวไม่ใช่มูลหนี้ที่ตนเองก่อขึ้น จึงทุกข์ใจหนักเข้าร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชนเพื่อเป็นสื่อกลางขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ

นางวาสนา กล่าวว่า เมื่อปี 2561 เคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน บ้านหนองเรือ หมู่ 6 ต.ละทาย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีคณะกรรมการฯ รวมทั้งคณะ จำนวน 10 คน และมีสมาชิกทั้งหมด จำนวน 53 คน โดยในขณะนั้นคณะกรรมการและสมาชิกทำสัญญากู้ยืมเงินจากกองทุนรายละ 10,000-30,000 บาท ช่วงแรกก็มีการคืนต้นจ่ายดอกครบถ้วน จนกองทุนได้รับรางวัลผลงานดีเด่นระดับ 3 A+ และต่อมาธนาคารออมสิน จึงได้ให้ยอดเงินกู้มาเพิ่มมาอีกเป็นเงิน จำนวน 2 ล้านบาท และได้มีคณะกรรมการพร้อมทั้งสมาชิกเข้ามาทำสัญญากู้ยืมเงินต่อ บางคนกู้ยืมเงินจากกองทุนเป็นเงินหลักหมื่น บางรายก็หลักแสน จากนั้นคณะกรรมการชุดตนก็ได้หมดวาระ และได้จัดตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้น ต่อมาได้ประสบปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ประกอบกับปัญหาอุทกภัย น้ำท่วมใหญ่ ส่งผลทำให้สมาชิกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรติดขัดปัญหาด้านการเงิน และสมาชิกก็เริ่มไม่มีเงินจ่ายต้นและดอกเบี้ย กระทั่งตนได้สำรองเงินตัวเองจ่ายให้กับสมาชิกก่อน

ต่อมาธนาคารออมสิน ได้ไปถอดโฉนดที่ดินของตนเพื่อยึดที่ดินออกมาจาก ธกส. ที่ตนเคยไปกู้ยืมเงินส่วนตัวเอาไว้ ไปไว้ที่ธนาคารออมสิน เนื่องจากไม่มียอดชำระหนี้ของสมาชิกตามหลักเกณฑ์ และทางสำนักงานบังคับคดี ได้ทำการประกาศขายทอดที่ดินของตน เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการชุดตน มีเพียงตนที่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินเพียงคนเดียว ขณะที่คณะกรรมการคนอื่น รวมถึงประธาน อีก 9 คน ไม่มีทรัพย์สินเป็นของตนเองแม้แต่คนเดียว จึงไม่สามารถไปบังคับยึดทรัพย์สินของคระกรรมการคนอื่นได้ ทำให้ตนต้องนำเงินส่วนตัวไปจ่ายหนี้ให้คนทั้งหมู่บ้าน ที่เป็นสมาชิก เดือนละ 20,000-30,000 บาท แยกเป็นเงินต้นที่ต้องจ่ายธนาคาร 12,000 บาท ดอกเบี้ย เดือนละ 24,000 บาท จนถึงตอนนี้ตนหมดเงินไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3-4 แสนบาท จนหมดเนื้อหมดตัว แถมยังถูกยึดที่ดินทำกิน ซึ่งตนได้พยายามไปอ้อนวอนขอให้สมาชิกใช้หนี้ บางคนก็บอกไม่มี ถูกปัดไปเรื่อย ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตนจะไม่เป็นกรรมการในตอนนั้นอย่างแน่นอน

อดีตคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านหนองเรือรายนี้ ยอมรับว่าหมดตัว ทุกข์ใจมาก และกลัวจะถูกขายที่นา ทั้งที่ไม่ใช่หนี้ของตนเอง อยากฝากถึงสมาชิกให้ช่วยกัน กรรมการบางคนก็หนีไป โทรติดไม่รับสาย ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ที่จะต้องเสียนาทั้งที่ไม่ใช่หนี้ของตนเองสร้าง ที่นาของตนก็เป็นที่นามรดกของบรรพบุรุษ แต่ละเดือนตนต้องไปนั่งคุกเข่าขอร้องสมาชิก คนทั้งหมู่บ้านให้ช่วยใช้หนี้ที่เขาก่อขึ้น อยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องเสียที่นาไปเพราะใช้หนี้ให้คนทั้งหมู่บ้านที่สร้างไว้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง