สืบนครบาลรวบกรรมการบริษัททัวร์ ขายทัวร์ทิพย์ รับปากจะคืนเงิน แต่บ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆ มีผู้เสียหายกว่า 60 คน

สืบนครบาลรวบกรรมการบริษัททัวร์ ขายทัวร์ทิพย์ รับปากจะคืนเงิน แต่บ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆ มีผู้เสียหายกว่า 60 คน

View icon 132
วันที่ 21 พ.ค. 2567 | 12.19 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (21 พ.ค.67)  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์. รรท.ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยได้รับการร้องเรียนผ่านเพจสืบนครบาลว่า ถูกบริษัททัวร์เปิดให้จองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก มีเสียหายกว่า 60 คน และมีการตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊ก 

เจ้าหน้าที่ได้ตามจับกุมนางสาวนิชาภา อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 377/2563 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์”  จับกุมที่บริเวณบริเวณหน้าหอพักต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ

จากการตรวจสอบพบในฐานระบบ ยังพบมีหมายจับอีก 2 หมายดังนี้

1.หมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 159/2563 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์ ”
2.หมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 180/2563 ลงวันที่ 3 เมษายน 2563 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง”

พฤติการณ์ในคดี เมื่อประมาณ ปี 2557 ผู้ต้องหาได้จดทะเบียนบริษัทชื่อหนึ่ง  ดำเนินกิจการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการให้บริการ รับจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก โปรแกรมทัวร์ ต่อมาเมื่อประมาณ 2562 ผู้ต้องหาอ้างว่า บริษัทฯ ประสบปัญหาขาดทุนจึงไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ได้และไม่สามารถนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายได้ กลุ่มผู้ได้รับความเสียหายจึงรวมตัวกันโดยตั้งกลุ่ม Facebook ซึ่งมีสมาชิกเป็นกลุ่มผู้ได้รับความเสียหายจากบริษัทดังกล่าวกว่า 60 User โดยมีการประสานงานเพื่อรวมตัวกันไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ตรวจสอบจากระบบสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า มีการแจ้งความดำเนินคดีอาญาไว้แล้วจำนวน 5 คดี ผู้เสียหาย 7 ราย มูลค่าความเสียหาย 623,124 บาท

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาห้การอ้างว่าเพื่อนเอาชื่อไปจดทะเบียนบริษัททัวร์ ต่อมาหุ้นส่วนของบริษัทคิดสั้นจบชีวิตที่หน้าบ้านเป็นข่าวดังที่ภูเก็ต จึงทำให้ธุรกิจรวน ไม่สามารถนำทัวร์ไปตามที่ลูกค้าจ่ายได้ แล้วก็ไม่สามารถคืนเงินลูกค้าได้ จึงหลบหนี โดยปัจจุบันผู้ต้องหาทำงานเฝ้าห้องพักรายเดือน

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าจากการตรวจสอบ บริษัททัวร์ดังกล่าว มีการจดทะเบียนถูกต้อง ส่วนกรณีข้อหาฉ้อโกงฯ ก็อยู่ในขั้นตอนดำเนินคดี และหากประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว สามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจให้รีบทำการอายัดตัวผู้ต้องหา ฝากถึงประชาชน ที่พบบริษัททัวร์ หรือการโฆษณาขายทัวร์ในลักษณะที่ต้องสงสัยก็ขอให้แจ้งตำรวจเพื่อตรวจสอบและแจ้งเตือนประชาชนรายอื่นไม่ให้ถูกหลอกด้วย ผู้ที่จะไปท่องเเที่ยว ควรศึกษาให้ดี ว่าบริษัทที่จะไปมีความน่าเชื่อถือเพียงใด ปัจจุบัน มิจฉาชีพ และอาชญากรรมออนไลน์ มีความรุนแรง และมีรูปแบบการหลอกลวงที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญขณะนี้ คือ การสร้างการรับรู้ ถึงรูปแบบวิธีการ และ การป้องกันตัวเองของประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ