โจ๋วัย 17 ปี ครอบครองปืนดัดแปลง เจอสืบนครบาลตามจับถึงบ้าน นั่งคอตกต่อหน้าแม่ เจ้าตัวอ้างซื้อมาไว้ใช้ป้องกันตัว
สืบนครบาล วานนี้(21 พฤษภาคม 2567) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ร่วมกับ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ที่ห้องพักแห่งหนึ่งแขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร โดยกระทำความผิดฐาน "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" พร้อมด้วยของกลาง ปืนแบลงก์กันดัดแปลงขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก และ ลูกกระสุนขนาด .22 จำนวน 4 นัด
โดยตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนทราบว่ามีการสั่งอาวุธปืนจากกลุ่มวัยรุ่น จึงสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอต่อศาลอาญาให้พิจารณาออกหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นจับกุมการกระทำความผิด จนเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2567 ศาลอาญาได้พิจารณาออกหมายค้นให้เข้าค้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นศาลอาญา เข้าทำการตรวจค้นบ้าน แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร โดยขณะเข้า ทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัว นายเอ อายุ 17 ปี แสดงตนเป็นผู้พักอาศัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงหมายค้นให้มารดา รับทราบ/เข้าใจ/ยินยอม ให้ทำการตรวจค้นได้ โดยก่อนเข้าทำการตรวจค้นเจ้าพนักงานตำรวจทุกนายได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ จนเป็นที่พอใจของ นายเอ ให้ตรวจค้น พร้อมกับเป็นผู้นำตรวจค้น ซึ่งเป็นบุคคลเป้าหมายการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน อุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนชนิดต่าง ๆ ให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาดต่าง ๆ
เบื้องต้นในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับว่าก่อนหน้านี้ เคยสั่งซื้อจากโซเชียล กระบอกละ 2,500 บาท แต่ใช้การได้ไม่ดีเลยเอาไปทิ้ง กระบอกนี้ซื้อจากรุ่นพี่ของเพื่อนกระบอกละ 5,000 บาท รับว่าปืนกระบอกนี้ ตนซื้อมาเก็บไว้ เพื่อป้องกันตัว ซื้อปืนแถมกระสุนปืน 4 นัด จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือนประชาชนช่วยสอดส่องดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ผู้ที่ครอบครองปืนเถื่อน ปืนผิดกฎหมายนั้น ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดทำ ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
