ห้องข่าวภาคเที่ยง - ข่าวใหญ่วันนี้จับตาไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ว่าเที่ยงวันนี้จะรับหรือไม่รับคำร้องของ 40 สว. หากรับคำร้องที่ต้องลุ้นหนักคือนายกรัฐมนตรี ที่อาจถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
ประเด็นหลักในคำร้องของ 40 สว.ที่ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ เศรษฐา และนายพิชิต สิ้นสุดลงหรือไม่ เนื่องจากการแต่งตั้ง นายพิชิต เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ หรือควรรู้ว่าขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ
โดยในคำร้องระบุว่านายกฯ มีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้นายพิชิต ตั้งแต่ส่งคำถามให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความคุณสมบัติ หรือที่รู้ว่า นายพิชิต เคยกระทำการเข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ผิดจริยธรรมร้ายแรง ดังนั้นนายกฯ และนายพิชิต เข้าข่ายขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี และขอให้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่ามีคำวินิจฉัย
ขณะที่นายพิชิต ที่ประกาศ ท้าชนข้อกฎหมายกับ 40 สว. เพราะมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าตัวเองไม่ขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี แต่คล้อยหลังต้องกลับลำลาออก หวังเคลียร์คัทไม่ให้ลามไปถึงตัวนายกฯ เศรษฐา
จับตาศาล รธน.รวมหรือแยกพิจารณาคดี นายกฯ-พิชิต
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญยกทั้งสองคำร้องทุกอย่างก็จบไป แต่ถ้าไม่จะมีประเด็นที่ต้องคิดต่อว่าคดีนายพิชิต กับคดีนายกฯ แยกกันหรือไม่ หากจำหน่ายคดีนายพิชิต เพราะลาออกไปแล้ว คดีนายกฯ ละจะเป็นอย่างไร ถ้าแยกพิจารณา และสุดท้ายรับคดีนายกฯ ไว้โอกาสสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก็มีมากขึ้น
ที่บอกแบบนี้ก็เพราะศาลรัฐธรรมนูญ เคยมีบรรทัดฐานกรณีที่รับคำร้องไว้พิจารณา จะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ทั้งคดีนายกฯ 8 ปีของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือคดีซุกหุ้นของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ
นายกฯ ลุ้นอยู่ที่ญี่ปุ่น ได้ไปต่อหรือต้องรอก่อน
ที่ต้องลุ้นคือนายกฯ เศรษฐา ตอนนี้ปฏิบัติภารกิจที่ประเทศญี่ปุ่น จนถึงวันพรุ่งนี้ หากถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จะทำอย่างไร ถึงเจ้าตัวบอกไม่กังวล มั่นใจไม่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พร้อมลุยงานเต็มที่ ทั้งที่ต่างประเทศและทันทีที่กลับประเทศไทยก็ตาม
