รวบแล้ว! คนร้ายสวมหมวกกันน็อก ทำลายข้าวของร้านข้าวแกง จ.ภูเก็ต สารภาพรับเงินว่าจ้างมา 3,000 บาท
จากกรณีเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 67 เวลาประมาณ 07.00 น. คนร้ายเป็นชายสองคนขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปจอดที่บริเวณร้านขายข้าวแกง และใช้เท้าถีบข้าวและแกงถุงที่วางอยู่หน้าร้านของ น.ส.ภรภัทร อายุ 42 ปี ชาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับความเสียหาย แล้วหลบหนีมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองภูเก็ต
ล่าสุด พล.ต.ต. ธรรมนูญ ประยืนยง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พลตำรวจตรีสินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต แถลงผลการจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุตามหมายจับ ประกอบด้วยนายณรงค์ อายุ 45 ปี ผู้จ้างวานนายสุวัฒน์ อายุ 30 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ แลนายณัฐพล อายุ 28 ปี ผู้ก่อเหตุที่เข้าไปทำลายข้าวของดังกล่าว
โดยจับกุมในข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั่นเอง รื้อของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น และให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดใดอันมีลักษณะลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงินโดยการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรากฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งจับกุมได้เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 67 พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ ที่ผู้ต้องหานำไปเผา แต่เจ้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมยึดไว้ได้
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างมาเป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท จากนายณรงค์ มาติดตามทวงหนี้ระหว่างนายณรงค์กับ น.ส.ภรภัทร แม่ค้าข้าวแกง หลังจากก่อเหตุแล้ว ได้ขับรถหลบหนีไปยังบริเวณพื้นที่ ต.ฉลอง แล้วก็แยกย้ายกัน ก่อนที่จะโดนเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา
ในส่วนข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ ข่มขืนใจผู้อื่น โดยทำให้กลัวจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และเสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ที่ถูกข่มขืนใจ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ปรับไม่เกิน 60,000 บาท รวมทั้งมาตรา 41 บุคคลใดฝ่าฝืน ต้องโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน 500,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
