จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Sopis Thongon Bumbim" ได้โพสต์ภาพก้อนเนื้อขนาดใหญ่ขนาดเท่ากับกะละมัง พร้อมกับข้อความว่า #เราจะมาแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง #เราเป็นเนื้องอกในมดลูกใหญ่มากเต็มกะละมัง
โดยมีใจความสรุปว่า "เริ่มจากเราเป็นประจำเดือนไม่หาย รากยาวมา 2 เดือนเป็นแบบแรงมากออกมาเป็นลิ่มเท่าไข่ไก่เลยเปลี่ยนผ้าอนามัยวัน 22 แผ่น แต่เราก็ยังทำงานขายของเปิดร้านปกติ ดีที่ร่างกายยังไหว ไม่เป็นลมไม่หน้ามืด เราก็คิดแต่ว่าเราอ้วนลงพุง เพราะไม่มีอาการอะไรเลยนอกจากเป็นประจำเดือนไม่หาย เลยไปหาหมอที่คลินิก คุณหมอเลยตรวจภายในว่าผิดปกติก้อนเนื้อในท้องใหญ่มาก ส่งตัวเราเข้าโรงบาลมุกตรวจแล้วขูดมดลูก
คุณหมอบอกเราว่า ก้อนเนื้อใหญ่มาก กลัวเป็นก้อนเนื้อร้าย กลัวเป็นมะเร็ง หมอก็เลยขูดมดลูกเอาผลชิ้นเนื้อไปตรวจ แล้วคุณหมอเลยส่งเราไปโรงบาลสรรพสิทธิ์อุบลเพราะมีหมอเฉพาะทาง สูตินรีเวชกรรม มะเร็งนารีเวช ต่อมาผลการตรวจไม่พบว่าเป็นมะเร็ง แต่ก้อนใหญ่มาก 33 เชนติเมตร เท่าเด็กใกล้คลอดเลย แต่ก้อนเนื้องอกมันใหญ่ มันไปทับท่อไต ทำให้ปัสสาวะบ่อย ทับลำไส้ทับไปหมดในท้อ งทำให้กินได้น้อยจุกอืด บวกกับเลือดเราไหลไม่หยุด ทำให้เหนื่อย ความดันขึ้น เหมือนจะเป็นลม แล้วหมอหาวันผ่าให้เรา ได้คิวอีก 1 เดือน แต่ร่างกายเราไม่ไหว เหมือนจะน็อกเพราะเลือดไหลไม่หยุดจะหมดตัวเหมือนคนตกเลือดเลยค่ะ
ต่อมาทางญาติและครอบครัวได้ปรึกษากันหาวิธีทางออกเพราะถ้ารอทางโรงบาลรัฐ ที่ โรงบาลสรรพสิทธิ์อุบลผ่าเลือดต้องหมดตัวแน่ ๆ อาจะทำให้เสียชีวิตเลยติดต่อไปยังหมอที่เปิดคลินิกหมอรัฐ พร้อมกับทำการปรึกษาเรื่องต่างจึงได้คิวผ่า 16 พ.ค.67 ที่ผ่านมา โดยใช้ห้องผ่าตัดโรงพยาบาลมุกดาหารซึ่งเป็นหมอรัฐเป็นคนผ่าให้
เมื่อผ่าออกมาก้อนเนื้องอกใหญ่เต็มกาละมัง ร่างกายตอนนี้ดีขึ้นมาก ถ้าไม่ได้หมอรัฐหมอเทวดา เราคงตกเลือดตายแท้ คือสิบ่ได้มาพิมพ์ยาวระบายให้ลูกค้าพี่ ๆ น้าฟังในเฟซบุ๊กแล้ว ต้องขอบคุณหมอรัฐ หมอเทวดา อาจารย์หมอสูตินารีเวชกรรรม เก่ง จบจากมหาราช สุดยอดทำใหญ่เราได้ชีวิตใหม่ ไม่ต้องเสียเงิน 4-5แสน วิ่งขึ้นอุบลเที่ยวอุบลฯ
ที่แน่ ๆ อยากบอกผุ้หญิงทุกคนต้องตรวจสุขภาพประจำปี เป็นอะไรมาจะได้รักษาทัน เราเจอกับตัวถึงรู้"
ขณะที่ คุณบิ๋ม ซึ่งเป็นเจ้าของโพสต์และเป็นผู้ที่ประสบกับโรคดังกล่าวได้เปิดเผยว่า เรื่องราวก็เป็นไปตามที่โพสต์ลงไปเกือบทั่งหมด ตนเองอยากจะฝากเตือนไปยังเพื่อนที่เป็นผู้หญิงอยากให้ไปตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นป้องกันหลาย ๆ โรคที่จะตามมา
