ประจวบคีรีขันธ์ก็มี "ชัยวัฒน์" ลุยเอง หลังเอกสาร ส.ป.ก.โผล่ทับที่กรมอุทยานฯ

ประจวบคีรีขันธ์ก็มี "ชัยวัฒน์" ลุยเอง หลังเอกสาร ส.ป.ก.โผล่ทับที่กรมอุทยานฯ

View icon 261
วันที่ 4 มิ.ย. 2567 | 09.37 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
"ชัยวัฒน์" ลุยตรวจสวยยางพาราอ้างสิทธิ ส.ป.ก.แต่ทับที่ อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรฯ ร้องทุกข์ตำรวจบางสะพานน้อยเอาผิดผู้ออกเอกสารสิทธิ

ประจวบคีรีขันธ์ วานนี้(3 มิ.ย.2567) นายสมเจตน์ จันทนา ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี(ผอ. สบอ.3 พบ.) รายงานว่า สบอ.3 เพชรบุรี ร่วมกับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ส่วนปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) ได้ร่วมกันตรวจสอบการออกเอกสารหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) โดยมิชอบบริเวณพิกัด 47P 538340 E 1232943  ตำบลช้างแรก อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สืบเนื่องจากวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2567 เวลา 15.00 น. คณะเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ(ตอนบน) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ตรวจยึดไม้ยางพาราและจับกุมตัวนายสุธรรม (สงวนนามสกุล) ในคดีทำไม้ ตาม ปจว.ข้อ 8 เวลา 22.50 น. ลงวันที่ 22 มกราคม 2567 คดีอาญาที่ 25/67 ยึดทรัพย์ที่ 17/67 สถานีตำรวจภูธรบางสะพานน้อย โดยนายสุธรรมฯ ให้การว่าตนได้มารับเหมาตัดไม้ยางพารา ต่อมาปรากฏมีบุคคลชาย 1 คน ทราบชื่อภายหลังนายประสพ (สงวนนามสกุล) อ้างว่าเป็นเจ้าของแปลงยางพาราพร้อมกับแสดงเอกสารเป็นหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 1 ฉบับ ปรากฏข้อมูลในสารบัญทะเบียนที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หนังสืออนุญาตฉบับนี้ออกให้แก่ นายประสพ ชาวบ้านหมู่ที่ 1 ตำบลช้างแรก อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากการตรวจสอบพบพื้นที่แปลงสปก.ดังกล่าว อยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรด้านทิศเหนือ (ตอนบน) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นการออกเอกสารหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) โดยมิชอบ

จากการลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดี ร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยร้องขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวน ผู้เขียนแผนที่ (ส.ป.ก.4-01) ผู้ตรวจเอกสารรับรองสิทธิ ส.ป.ก.4-01 และบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการออกหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) โดยการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิด 4 ข้อหาประกอบด้วย
1. พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ฐานก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
2. พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ฐานห้ามมิให้ผู้ใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน
3. พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55 (2) ประกอบมาตรา 99 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปี ถึงยี่สิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากมีเจตนาที่จะยึดถือครอบครองที่ดิน และ/หรือมีส่วนให้การสนับสนุน หรือรับรองให้ผู้อื่นยึดถือครอบครองที่ดินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่สามารถกระทำได้กรณีร่วมกันออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งอยู่ในพื้นที่นอกเขตปฏิรูปที่ดิน และทับซ้อนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
4. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐาน ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
โดยส่งรายละเอียดให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางสะพานน้อย ดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามปจว.ข้อ 2 เวลา 12.30 น. ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2567

ข่าวที่เกี่ยวข้อง