ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เจ้าหน้าที่กู้ชีพกลัวถูกสุนัขกัด ไม่ยอมเข้าไปช่วยผู้ป่วยในบ้าน ญาติผู้ป่วยบอกเก็บสุนัขให้แล้ว รับรองไม่ออกมากัด แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ทิ้งคนป่วย จนกลายเป็นประเด็นดรามา
นี่เป็นเหตุการณ์ขณะญาติผู้ป่วยรายหนึ่งถ่ายไว้ หลังเกิดการโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่กู้ชีพ เพราะทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมเข้าไปรับคนป่วยออกมาจากบ้านพัก เนื่องจากกลัวถูกสุนัขในบ้านกัด ทางเจ้าของบ้านบอก "เก็บสุนัขแล้ว มันไม่กัด" แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะสุนัขในบ้านมีหลายตัว กลัวว่าหากเข้าไปรับคนป่วยจะเป็นอันตรายทั้งตัวเองและคนป่วย จากนั้นก็ขนอุปกรณ์กู้ชีพต่าง ๆ กลับขึ้นรถ แล้วขับออกไปเลย จนหญิงที่ถ่ายคลิปงง ไม่มีการช่วยเหลือคนป่วย แล้วทิ้งไปดื้อ ๆ
คลิปนี้ญาติผู้ป่วยนำมาโพสต์ในเฟซบุ๊ก ระบุความว่า "พี่ชายไม่สบาย ขาขยับไม่ได้แล้ว โทรไปหากู้ภัยตอนแรก ไม่มา บอกเคสไม่ฉุกเฉิน จึงบอกว่าต้องรอให้ตายหรือหยุดหายใจเท่านั้นหรือ ถึงจะมาได้ กู้ภับบอกว่าก็ประมานนั้น แต่พอมาถึงก็เจอปัญหาอีก ไม่กล้าเข้ามารับผู้ป่วยในบ้านชั้นสอง เพราะข้างล่างมีสุนัขที่แม่เลี้ยงไว้ แม่เคลียร์พื้นที่ให้แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ไม่ไว้ใจ เพราะกลัวมันกัด ทิ้งผู้ป่วยให้นอนรอความตายอยู่บนห้อง"
หลังโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฎว่าชาวเน็ตเสียงแตกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นใจญาติผู้ป่วย และตำหนิเจ้าหน้าที่ที่กลัวเกินไป จนไม่คำนึงถึงชีวิตผู้ป่วย ส่วนอีกฝ่ายมองว่า กู้ภัยก็เป็นคน และมีคนข้างหลังต้องดูแลเหมือนกัน หากเข้าไปช่วยคนป่วยแล้วโดนสุนัขกัด ตกบันไดพิการ ใครจะรับผิดชอบ เพราะจากที่เข้าไปดูในโพรไฟล์เจ้าของคลิป จะเห็นว่าเลี้ยงสุนัขไว้กว่า 10 ตัว ใครเห็นก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา
ผู้สื่อข่าวไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กู้ชีพที่ปรากฏในคลิป เปิดใจว่า ตนเองพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างที่จะไม่ปลอดภัย เพราะภายในบ้านมีสุนัขจรจัดหลายตัว จึงพยายามบอกให้เจ้าของบ้านนำสุนัขเข้าไปไว้ในห้องก่อน แต่ระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปในบ้าน พบว่ามีสุนัขอีกเกือบ 10 ตัว อยู่ใต้บันได ตอนนั้นตกใจมาก จึงถอยออกมา และพยายามอธิบายให้ทางญาติ ๆ ฟังว่าสถานที่ไม่ปลอดภัย สุนัขอาจทำอันตรายกับเจ้าหน้าที่ได้ แต่ปรากฏว่าทางญาติได้ถ่ายคลิป และเกิดการปะทะคารมดังกล่าว
ขอยืนยันว่าตนเองและทีมงานปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เสมอ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้แจ้งกลับไปทางศูนย์สั่งการว่าไม่สามารถปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ป่วยได้ เนื่องจากสถานที่ไม่ปลอดภัย ก่อนจะได้รับคำสั่งให้ถอนกำลังกลับมายังฐานปฏิบัติ แต่ไม่คิดว่าทางญาติผู้ป่วยจะนำคลิปไปโพสต์ จึงอยากให้ทางญาติและประชาชนเข้าใจในการทำหน้าที่ของทีมกู้ชีพกู้ภัย เพราะไม่มีใครอยากปฏิเสธการช่วยเหลือ แต่เหตุการณ์ในครั้ง ประเมินสถานการณ์แล้ว ค่อนข้างมีความเสี่ยง จึงจำเป็นต้องยกเลิกภารกิจ
ต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้ป่วยรายนี้ ซึ่งบ้านเป็นลักษณะบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ตั้งอยู่ภายในซอยนาเกลือ 13 อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ห่างจากโรงพยาบาลบางละมุง ไม่ถึง 1 กิโลเมตร โดยพบว่าภายในบ้านมีเสียงสุนัขเห่าดังลั่นออกมา ที่ประตูหน้าทางเข้าบ้าน มีแผ่นกระดาษแปะไว้ ระบุข้อความว่า "หมาดุมาก ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต" ส่วนผู้ป่วยที่เป็นกระแสดรามา ยังนอนอยู่บริเวณห้องพักชั้น 2
สอบถามแม่ของผู้ป่วย และเป็นแม่ของผู้ที่โพสต์คลิป เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกสาวได้กลับจากที่ทำงาน และเข้ามาบ่นกับตนว่า ทำไมไม่ดูพี่ชาย ซึ่งนอนขยับตัวไม่ได้อยู่บนบ้านชั้น 2 มาแล้วหลายวัน โดยลูกชาย อายุ 32 ปี ป่วยเป็นโรคฮีโมฟีเลีย หรือ โรคเลือดออกง่าย จนขาทั้ง 2 ข้างใช้การไม่ได้ โดยปกติแล้ว ตนเองกับสามี จะพาลูกชายไปหาหมอเอง แต่ครั้งนี้ คิดว่าอุ้มไม่ไหว จึงโทรแจ้ง 1669 แต่ถูกปลายสายปฏิเสธ บอกว่าไม่ใช่เคสฉุกเฉิน พร้อมทั้งให้เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเป็นเบอร์ของมูลนิธิกู้ภัยแห่งหนึ่ง
พอโทรศัพท์ไปแจ้งเบอร์ดังกล่าว ไม่เกิน 10 นาที ก็มีรถพยาบาลมาจอดบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นรถพยาบาลของมูลนิธิกู้ภัยแห่งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับตนว่า ให้ช่วยเก็บสุนัขที่อยู่ภายในบ้าน พอตนเองเก็บสุนัขเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็เดินเข้าไปในบ้าน สักพักก็เดินกลับออกมา พร้อมกับปฏิเสธไม่รับผู้ป่วย โดยใช้เหตุผลว่ายังมีสุนัขอยู่ใต้บันได และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จนเกิดเหตุการณ์ปะทะคารมระหว่างลูกสาวกับกู้ภัย ตามที่ปรากฏในคลิป จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เดินทางกลับไปทันที
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองเข้าใจ และไม่ได้โกรธทีมกู้ภัยกู้ชีพ เพราะเข้าใจเหตุผลว่าพื้นที่ไม่ปลอดภัย ส่วนทางด้านลูกสาวที่นำคลิปโพสต์ ตนเองก็เข้าใจอารมณ์ลูกสาวที่เป็นห่วงพี่ชาย เพราะอยากให้พี่ชายได้ไปหาหมอ ส่วนสุนัขที่เลี้ยงไว้ ยอมรับว่าเป็นสุนัขที่เก็บมาเลี้ยง มีทั้งหมด 21 ตัว และวันนั้นเก็บรวมกันทั้งหมดไม่ได้ เพราะมันก็จะกัดกันเอง จึงมีบางส่วนที่แอบอยู่ใต้บันได อยากขอโทษทางเจ้าหน้าที่แทนลูกสาวด้วย ที่ทำให้เดือดร้อน
