เงินเก็บทั้งชีวิต บ้านที่อยู่หายวับ ผู้สูงอายุถูกหลอกโอนเงิน 22 ล้าน

เงินเก็บทั้งชีวิต บ้านที่อยู่หายวับ ผู้สูงอายุถูกหลอกโอนเงิน 22 ล้าน

View icon 2.9K
วันที่ 9 มิ.ย. 2567 | 18.26 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เก็บมาทั้งชีวิตหายไปในพริบตา ! คุณปู่อายุ 81 ปีถูกมิจฉาชีพหลอกเงิน 19 ล้าน จำนองบ้านอีก 3 ล้าน หมดเงิน 22 ล้านจนอยากจบชีวิต

9 มิถุนายน 67 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายไพรสัณต์  อายุ 81 ปี อดีตหัวหน้างานด้านวางแผนธุรกิจสายงานด้านเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หลังถูกมิจฉาชีพปลอมเป็นตำรวจวิดิโอคอล มาใช้กลอุบายตีเนียน หลอกว่าบัญชีพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมาย หากไม่ทำตามขั้นตอนจะถูกดำเนินคดี หรือ อายัดทรัพย์

นายไพรสัณต์ หลงเชื่อ โอนเงินให้มิจฉาชีพ 19 ล้านบาท หลังจากนั้นมิจฉาชีพ ยังหลอกให้ จำนองขายฝากอีก 3 ล้าน รวมทั้งดอกเบี้ยอีก 450,000 บาท โดยให้ผ่อนชำระดอกเบี้ยเดือนละ 37,000 บาท และให้คืนเงินต้น 3 ล้านบาทที่เอาบ้านไปจำนองขายฝากไว้ภายในระยะเวลา 1 ปี หลังได้เงินจากจำนองขายฝากบ้านอีก 3 ล้านบาทตนก็ได้โอนเงินให้กับมิจฉาชีพไป รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22 ล้านบาท

ทั้งนี้มิจฉาชีพได้ปลอมเป็นตำรวจ ยศพันตำรวจตรี เป็นสารวัตรงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธพระนครศรีอยุธยา บอกกับ นายไพรสัณต์ ว่า  เห็นว่าตนมีอายุมากแล้ว หากต้องไปให้การสอบสวนที่โรงพักจะลำบาก เลยแนะนำให้ตนทำตามขั้นตอน ผ่านทาง Application Line นอกจากนี้ยังอ้างถึงคำสั่ง ปปช. ส่งรายชื่อข้าราชการระดับ9 และระดับ8 ของ ปปช. มา

ทั้งนี้มิจฉาชีพที่ปลอมเป็นตำรวจ บอกว่า ถ้าตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดแล้วพบว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ก็จะโอนเงินคืนทั้งหมดโดยมีเงื่อนไข คือ 1. ต้องเสียเงินอีก 4,200,000 บาท ให้กับทางราชการในการวางค้ำประกัน ทรัพย์สินที่โอนมา โดยบอกว่า พ.ต.ต พนักงานสอบสวน และร้อยเวร จะช่วยใช้ตำแหน่งค้ำประกันให้ครึ่งหนึ่ง 2.2 ล้านบาท และให้ตนไปหาเงินมา 2.2 ล้านบาท ซึ่งตนก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนเพราะหมดตัวแล้ว จึงได้ติดต่อลูกชาย ที่ทำงานตลาดหลักทรัพย์ที่สิงคโปร์

ลูกทราบเรื่องก็เอะใจ เชื่อว่าพ่อน่าจะถูกมิจฉาชีพหลอกจนหมดตัว จึงรีบกลับประเทศไทย และนำข้อมูลพร้อมพาพ่อไปแจ้งความที่ สอท.2 เมืองทองธานี

นายไพรสัณต์ บอกว่า  สูญทั้งเงินและกำลังจะสูญบ้าน ใน1ปี และเสียสุขภาพจิตกินไม่ได้นอนไม่หลับ น้ำหนักลด ต้องกินยาแทบจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า อยากจะฆ่าตัวตาย ก็อยากให้ตำรวจช่วยติดตามเงินและบ้านที่เสียไปกลับคืนมาให้ตนด้วย

ขณะที่ลูกชาย เผยว่า รู้สึกโมโห เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำไมถึงมาหลอกจนหมดตัว อยากขอร้องพวกคอลเซ็นเตอร์ว่าอย่ามาทำกินบนหลังคนเลย ขอให้มีความ เมตตาสงสารผู้คนบ้าง ขอให้หยุดการกระทำ

ทั้งนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่  สอท.เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดเพราะว่าคุณพ่อก็อายุมากแล้ว ตอนนี้ไม่มีทรัพย์สินเหลือแล้ว ถ้าเกิดเจ็บป่วยก็จะลำบาก ก็ขอรบกวนฝากทาง สอท.ด้วย  และก็ฝากถึงธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้เกี่ยวข้อง เพราะในกรณีแบบนี้ทางธนาคารทั้งหลาย สามารถใช้ระบบ RIP ในการตรวจสอบได้ ถ้าเกิดว่าหากได้ทำการรู้จักลูกค้าโดยดีแล้ว จะสามารถสังเกตได้ว่าจำนวนเงินในบัญชีของลูกค้าเข้า-ออก กับรายได้ของลูกค้ามีความแตกต่างกันมาก เพราะฉะนั้นทางธนาคารจะใช่ระบบ IT เพื่อตรวจจับความผิดพลาดหรือตั้งข้อสังเกตุว่ามีเงิน เข้า-ออก เป็น 10 เท่าของรายได้ น่าจะทำการหยุดธุรกรรมไว้จนกว่าทางเจ้าของบัญชีจะมาแจ้งอีกครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันให้ทางลูกค้า ไม่ให้เจ้าของบัญชีสูญเสียเงินทางธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ที่เกี่ยวข้องควรหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ มิเช่นนั้นก็จะมี ประชาชนคนสุจริตที่ทำงานเก็บเงินมาช่วยชีวิต ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอีกไม่มีวันสิ้นสุด