ห้องข่าวภาคเที่ยง - กรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลางในคดีหายไป 3 ลำ พร้อมน้ำมันเถื่อนที่หายไปอีกกว่า 300,000 ลิตร มีชื่อของ "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง เรามาทำความรู้จักกันหน่อยว่า "เสี่ยโจ้" ที่พูดถึงนี้ คือใครกัน
นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อนอ่าวไทย ที่เริ่มเข้าสู่วงการค้าน้ำมันเถื่อน ตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งจากข้อมูลคำเบิกความในชั้นศาลของพยานหลายคน ในคดีฟอกเงินภรรยาเสี่ยโจ้ พบว่าในปี 2553-2554 มีรายได้จากการค้าน้ำมันเถื่อนกับประเทศเพื่อนบ้านเดือนละ 200-300 ล้านบาท แต่หากนับเงินหมุนเวียนในเครือข่ายทั้งหมดจะมีเงิน รวมกว่า 108,000 ล้านบาท
ต่อมาในปี 2557 สมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กอ.รมน ภาค 4 ส่วนหน้า นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้าน "เสี่ยโจ้" และเครือข่ายในจังหวัดปัตตานี พบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเถื่อนและการจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่จำนวนมาก "เสี่ยโจ้" โดนดำเนินคดีอีกหลายข้อหา แต่ในปลายปีเดียวกัน มีอดีตตำรวจนายหนึ่ง พาหนีออกจากที่คุมขังศาล ระหว่างที่กำลังรอฟังคำพิพากษา ก่อนหลบหนีไปกบดานต่างประเทศ
แต่อยู่ ๆ "เสี่ยโจ้" ก็แอบย่องขอเข้ามอบตัวกับตำรวจในปี 2560 และ 2561 พบมีหมายจับค้างเก่า ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงขณะนั้นรวม 14 คดี แต่ที่น่าประหลาดใจคือ 7 คดีขาดอายุความ เพราะไปติดค้างอยู่ในชั้นอัยการ แถมมีบางคดีถูกถอนหมายจับ จึงทำให้ "เสี่ยโจ้" ออกมาใช้ชีวิตตามปกติ
กระทั่งปี 2564 "เสี่ยโจ้" ถูกจับอีกครั้ง หลังตำรวจสอบสวนกลาง ถือหมายจับค้างเก่าคดีไม้เถื่อน และคดีฟอกเงินน้ำมันเถื่อน แต่หลังจากส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีที่จังหวัดปัตตานี กลับต้องประหลาดใจอีกครั้ง เพราะหมายจับคดีไม้เถื่อนถูกถอนฟ้องเพียงข้ามคืน ส่วนคดีฟอกเงินอัยการพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง และ "เสี่ยโจ้" ก็หลบหนีไปต่างประเทศอีกครั้ง ระหว่างที่หลายคดียังอยู่ในการพิจารณาของชั้นศาล
เราสอบถามความคืบหน้าเรื่องนี้กับทาง พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็บอกว่า เบื้องต้นพิจารณาแล้วได้สั่งให้ย้ายตำรวจน้ำทั้ง 5 นาย ไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบอย่างเต็มที่ ก่อนคาดว่า 7 วันจะทราบผล
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทิศทางที่เรือหายไป ปลายทางน่าจะไปโผล่ที่ประเทศกัมพูชา เรื่องนี้ได้ให้ทูตตำรวจประสานกับอธิบดีกรมตำรวจ ประเทศกัมพูชา และตนเองก็เพิ่งได้คุยกับ "พลตำรวจโท วันวีระ" รองอธิบดีตำรวจกัมพูชา ไปเมื่อเช้า คาดว่าจะทราบความคืบหน้าเร็ว ๆ นี้
ขณะที่เช้าวันนี้ เรือตำรวจน้ำ 815 และ 623 ที่ได้ออกลาดตระเวนตามหาเรือของกลางที่สูญหาย ได้กลับเข้าท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรีแล้ว โดยตำรวจที่ออกค้นหา ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับสื่อมวลชน ให้ข้อมูลสั้น ๆ ได้แค่ว่า เรือค้นหาได้ล่องไปทางภาคตะวันออก ผ่านจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ที่คาดว่าเรือทั้ง 3 ลำ จะใช้เส้นทางดังกล่าวเพื่อออกไปยังประเทศกัมพูชา แต่ยังค้นหาเรือทั้ง 3 ลำ ไม่พบ
ด้าน พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า บ่ายโมงวันนี้ จะไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และประชุมความคืบหน้าคดี เบื้องต้นจะต้องหาผู้รับผิดชอบในคดีนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือการดำเนินคดีกับลูกเรือที่หลบหนี และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำที่ปล่อยปละละเลยจนเรือของหลางหาย