ลูกเรือเข้าให้ปากคำปมเรือน้ำมันเถื่อนหาย

ลูกเรือเข้าให้ปากคำปมเรือน้ำมันเถื่อนหาย

View icon 116
วันที่ 17 มิ.ย. 2567 | 13.40 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ลูกเรือ 11คน เข้าให้ปากคำ ปมเรือน้ำมันเถื่อนหาย ที่ บก.ปอศ. พบว่ามีอีก 2 คนไม่ได้เดินทางมและจ่อออกหมายจับ 15 คน ที่คาดว่าหนีไปพร้อมกับเรือ 

วันนี้ ( 17 มิ.ย.67) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. ได้ออกหมายเรียกลูกเรือของเรือบรรทุกน้ำมัน 5 ลำ มารายงานตัว หลังได้รับการประกันตัวไปก่อนหน้านี้ รวม 28 คน ล่าสุดผู้ต้องหาจำนวน 11 คน พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน แต่ส่วนใหญ่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน มีเพียงรายเดียวที่บอกเพียงว่า "ผมอยู่แต่ในเรือ ไม่ได้ไปด้วย" ก่อนจะเข้าห้องไป

ด้านพันตำรวจเอกชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ เปิดเผยว่าพนักงานสอบสวนได้ปิดหมายที่บ้านพักของนายประกัน และยังเป็นทนายความในคดี ให้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 28 คน มารายงานตัว และโทรศัพท์แจ้งทนายความตั้งแต่ออกหมาย โดยมีผู้ต้องหาเดินทางมารายงานตัววันนี้ 11  คน และจากที่สอบถามทนายพบว่ามีอีก 2 คนไม่ได้เดินทางมา โดยในจำนวนนี้ มี 1 คนยังอยู่บนเรือ ซึ่งได้เร่งรัดนายประกันให้นำตัวมา ส่วนอีก 15 คนยังไม่พบคาดว่าอยู่บนเรือน้ำมัน 3 ลำที่หายไป

สำหรับคนที่ไม่มา ตำรวจก็จะดูว่าใครหลบหนีไปบ้าง หรือคนที่ไม่มามีเหตุจำเป็นใด เพื่อจะพิจารณาเพิกถอนประกันตัว และจะพิจารณาออกหมายจับกลุ่มที่ไม่มารายงานตัวต่อไป ส่วนการสอบปากคำเพิ่มเติมนั้น ยังไม่มีการสอบปากคำในวันนี้ เนื่องจากจุดที่จับกุมเป็นพื้นที่เขตเศรฐกิจจำเพราะทางทะเล จึงเป็นคดีนอกราชอาณาจักร แต่ทำผิดตามกฎหมายไทย ทำให้ตำรวจต้องสอบปากคำร่วมกับอัยการภายหลัง

พร้อมกันนี้ พ.ต.อ. ชัชวาล ยังเผยถึงสาเหตุที่ตำรวจให้ประกันตัวไปรอบแรก เพราะมีเรือ 1 ลำกำลังจะจม ต้องสูบน้ำออกตลอด มิฉะนั้นน้ำมันของกลางบนเรืออาจรั่วลงทะเล จะทำให้เหตุการณ์บานปลาย จึงต้องให้ประกันผู้ต้องหาให้กลับไปดูแลเรือ โดยมีเจ้าหน้าที่กำกับดูแล

สำหรับคดีลักเรือ เป็นหน้าที่ของกองปราบในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ว่ามีพฤติการในการลักเรือหรือไม่ หลังจากผู้ต้องหารายงานตัวเสร็จแล้วจะประสาน ตำรวจกองปราบไปขยายผลว่า มีส่วนร่วมกับการลักเรือหรือไม่ หากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงทางกองปราบก็จะแจ้งข้อหาลักเรือ รวมถึงผู้ต้องหา 15 คนที่หนีไปด้วย

ส่วนความเชื่อมโยงกับนายทุนชื่อ จ. ในคดีเดิมนั้น ในการสอบครั้งแรกมีการส่งทนายความมานั่งประกบผู้ต้องหาจำนวนมาก และนายประกัน ทนายความไม่ยอมให้ข้อมูลกับตำรวจว่าเงินสำหรับประกันตัวนั้นได้มาจากที่ใด แต่ยืนยันว่าตำรวจได้ทำสำนวนอย่างลึกและละเอียด แต่ไม่ขอเปิดเผยเรื่องในสำนวนมากนัก เพราะอาจกระทบต่อรูปคดี แต่ขอให้เชื่อในกระบวนการยุติธรรมซึ่งทั้งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและอัยการสูงสุด ทำอย่างเต็มที่ร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   และแต่ตั้งแต่เรือหายไปทางผู้บังคับบัญชาก็ได้เข้ามาตรวจสอบสำนวนซึ่งยังไม่พบว่ามีส่วนใดที่บกพร่องมีเพียง การควบคุมเรือเท่านั้นที่บกพร่องซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว