เรือ 3 ลำ ลอบขายน้ำมันเถื่อนก่อนแปลงสภาพตบตา จนท.

เรือ 3 ลำ ลอบขายน้ำมันเถื่อนก่อนแปลงสภาพตบตา จนท.

View icon 480
วันที่ 17 มิ.ย. 2567 | 17.18 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เรือของกลางน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ลอบขายน้ำมัน ที่ประเทศกัมพูชา ก่อนแปลงสภาพเรือตบตาเจ้าหน้าที่ ก่อนหนีไปมาเลเซีย พบลูกเรืออยู่เพียง 8 คน ส่วนน้ำมันของกลางอยู่ระหว่างตรวจสอบ  

วันนี้ ( 17 มิ.ย.67) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ร่วมกับ พล.ต.ต. พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. ร่วมแถลงการณ์ติดตามเรือน้ำมันของกลางกลับคืนมาได้ โดย พล.ต.พฤทธิพงศ์ เผยว่า หลังเกิดเหตุตำรวจไทยกดดันอย่างหนัก โดยช่วงวันที่ 13 มิ.ย. ตำรวจน้ำ ร่วมกับ ศรชล ภาค 1 และ 2 ประสานขอความร่วมมือกับประเทศกัมพูชา รวมทั้งประสานงานใช้ดาวเทียมตรวจสอบเรือที่หายไป และให้ตรวจสอบท่าเรือต่าง ๆ  เพื่อดูพฤติกรรมกลุ่มเรือต้องสงสัย ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหา จะนำเรืออยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะ หรือ  EEC เพราะชำนาญพื้นที่ จึงตีวงแคบค้นหา โดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียมช่วยค้นหาสื่อสาร พร้อมประสานกับเครือข่ายเรือประมง ให้ช่วยค้นหาสอบเรือต้องสงสัย
เรือน้ำมันเถื่อน.jpg
กระทั่งวันที่ 16 มิ.ย. เครือข่ายเรือประมง แจ้งว่าพบตำหนิรูปพรรณเรือที่หลบหนี ห่างฝั่งจังหวัดสงขลา ประมาณ 90 ไมล์ทะเล เจ้าหน้าที่ใช้เรือตำรวจน้ำ เข้าพิสูจน์ทราบเรือทั้ง 3 ลำ พบว่าเป็นเรือของกลางที่ถูกขโมยไปเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 11 ต่อเนื่องวันที่ 12 มิ.ย. ซึ่งรูปพรรณสัณฐานตรงกัน และพบคนเรือ มีตำหนิ ชื่อ-นามสกุล ตรงกับผู้ต้องหา ซึ่งขณะนี้ยืนยันได้ว่ามีลูกเรือ 8 คน บนเรือ 3 ลำ แบ่งเป็น เรือเจพี 4 คน เรือดาวรุ่ง 1 คน และ เรือซีฮอต หรือกำไรเงิน 3 คน โดยพบว่า เรือซีฮอต มีการแปลงสภาพ โดยเปลี่ยนสีเรือบริเวณพื้นเรือ เก๋งเรือ และกาบเรือ จากสีแดงเป็นสีเขียว เพื่อใช้ในการหลบหนี  นอกจากนี้ยังพบว่าเรือดาวรุ่ง เครื่องเสีย จึงไม่สามารถหนีไปต่อได้ จึงต้องลากเรือเข้าฝั่ง
เรือน้ำมันเถื่อน.jpg
นอกจากนี้จากแนวทางการสืบสวน พบว่าเรือน้ำมันเถื่อนทั้ง 3 ลำ นำน้ำมันไปขายที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะล่องเข้าน่านน้ำ EEC เพื่อไปในพื้นที่เข้ามาเลเซีย เพราะว่าเป็นพื้นที่มีอิทธิพลผู้ค้าน้ำมันเถื่อน

โดยยืนยันว่าน้ำมัน ไม่ได้หายไปตั้งแต่จอดอยู่ที่ท่าเรือสัตหีบ เนื่องจากว่ามีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร เข้าไปตรวจสอบ เพื่อนำน้ำมันไปประมูลเพื่อจำหน่าย ซึ่งมีหลักฐานบันทึกเอาไว้ชัดเจน ส่วนกลุ่มผู้ต้องหา ที่หนีไปพร้อมเรือ จากหลักฐานพบว่า หนีไปจำนวน 15 คน พบบนเรือ 8 คน ส่วนอีก 7 คน อยู่ระหว่างสืบสวนว่าอยู่ที่ใด และการสืบสวนเชื่อว่าเรือ 5 ลำ อาจจะไม่ได้มีนายทุนแค่คนเดียว แต่กลุ่มนายทุนน่าจะมีความเชื่อมโยงกัน 2 กลุ่ม  และอยู่เบื้องหลัง เรือ 3 ลำ โดยเฉพาะ เสี่ยโจ้ เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน ยืนยันว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุครั้งนี้ ซึ่งกองปราบปราม อยู่ระหว่างสอบสวนสืบสวน เพื่อให้ได้หลักฐานแน่นหนา ก็จะขยายผลบังคับใช้กฎหมายต่อไป

ทั้งนี้การขโมยเรือออกไปจากท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบ คาดว่าต้องการทั้งน้ำมัน และเรือ แต่เรือต้องการแน่ ๆ เพราะมีการตำหนิรูปพรรณเรือ มีความมุ่งหมายที่จะนำเรือกลับมาใช้อีก ส่วนสาเหตุที่ไปกัมพูชา เพื่อต้องการอยู่ระยะยาว จึงต้องเปลี่ยนแปลงเรือ จนกว่าเรื่องจะเงียบ และการที่ไม่มี GPS หากคนบนเรือมีความเชี่ยวชาญ และใช้เข็มทิศ ก็เดินการขับเรือไปได้ รวมถึงปัจจุบันมีแอปพิเคชันต่าง ๆ ที่สามารถนำมาช่วยได้ 
เรือน้ำมันเถื่อน.jpg
ด้าน พล.ต.ต. จรูญเกียรติ เผยว่า เมื่อน้ำมันไม่มีอยู่แล้ว เรือ 20-30 ล้านบาท กับน้ำมัน 5 ล้านการตามเรือกลับมาได้ ก็ยืนยันว่าตำรวจที่ติดตามเรื่องนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตำรวจที่ถูกสอบสวน จะดำเนินการสอบสวนทุกมิติ รวมถึงเส้นทางการเงิน ว่ามีความเชื่อมโยงกับเสี่ยโจ้  หรือไม่ นอกจากนี้ยังสืบสวนหาตัวเสี่ยโจ้ ว่าหนีไปอยู่ที่ใด เพื่อประสานพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการนำตัวนายโจ้ กลับมาดำเนินคดี หรือแม้จับกุมเสี่ยโจ้ ได้ ก็อาจมีคนอื่นขึ้นมาแทน เพราะขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน เป็นเรื่องของผลประโยชน์มหาศาล 
เรือน้ำมันเถื่อน.jpg
หลังจากที่นำตัวผู้ต้องหาที่อยู่บนเรือ 3 ลำ ขึ้นมาแล้ว วันนี้จะดำเนินการจับกุม สอบสวนร่วมกับภูธรจังหวัดสงขลา ก่อนจะฝากขัง และจะรีบนำตัวไปที่กองปราบให้เร็วที่สุด คาดว่าจะสามารถนำตัวขึ้นเครื่องมาได้ในช่วงสายของวันพรุ่งนี้ ( 18 มิ.ย.67)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง