แก้หนี้นอกระบบ ครบ 100% ทำตัวเลขมูลหนี้ลดลงทั้งประเทศ กว่า 1,203 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทยเดินหน้าต่อ เหตุ “งานเสร็จแต่ยังไม่สำเร็จ เพราะประชาชนยังคงเดือดร้อนอยู่
วันนี้ (18 มิ.ย. 67) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นก้าวแรกแห่งความสำเร็จ ของการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งจากการที่กระทรวงมหาดไทยได้เปิดรับลงทะเบียนให้ประชาชนที่มีความประสงค์ให้ทางราชการช่วยแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายรัฐบาล โดยมีประชาชนมาลงทะเบียนรวมทั้งสิ้น 153,400 ราย กระทรวงมหาดไทยจึงได้แจ้งให้ทุกจังหวัด อำเภอ เดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่องด้วยการเชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้มาเข้าสู่กระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้
โดยสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้รายงาน (18 มิ.ย.) ข้อมูลความคืบหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบทั่วประเทศ มีลูกหนี้ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ครบ 100% แล้วจากจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 153,400 คน ซึ่งสามารถดำเนินการไกล่เกลี่ย และยุติเรื่อง ทำให้มูลหนี้ลดลง 1,203,577,005 บาท (หนึ่งพันสองร้อยสามล้านห้าแสนเจ็ดหมื่นเจ็ดพันห้าบาท) นอกจากนี้ ในจำนวนดังกล่าวมีเจ้าหนี้ และลูกหนี้มีความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ได้ส่งต่อเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่ดำเนินคดี 471 คดี เรียบร้อยแล้ว โดยใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานทั้งสิ้นตั้งแต่สิ้นสุดการลงทะเบียนฯ รวม 109 วัน
“อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน อาจมีลูกหนี้ และเจ้าหนี้ กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ ดังนั้นประชาชน สามารถรับความช่วยเหลือผ่านกลไกของภาครัฐ สามารถร้องทุกข์ผ่านช่องทางของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอได้ตลอด 24 ชั่วโมง” นายสุทธิพงษ์ เน้นย้ำ
.
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับมาตรการระยะยาว นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีนโยบายในการช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับลูกหนี้นอกระบบ ส่งเสริมการพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพ โดยบูรณาการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้นอกระบบเข้าสู่กระบวนการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมแนวทางให้ลูกหนี้สามารถลดรายจ่ายในชีวิตประจำวัน ลดความฟุ่มเฟือย แม้ว่าการรับลงทะเบียนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบจะดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่กระบวนการการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างภูมิคุ้มกันต่อความเปลี่ยนแปลง และการเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยคุกคามรูปแบบใหม่ยังคงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
