ฟื้นตลาดหุ้น ‘คลัง’ เตรียมชง ครม. ปรับเงื่อนไขกองทุน ‘Thai ESG’ ขยายวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ลดถือครองเหลือ 5 ปี

ฟื้นตลาดหุ้น ‘คลัง’ เตรียมชง ครม. ปรับเงื่อนไขกองทุน ‘Thai ESG’ ขยายวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ลดถือครองเหลือ 5 ปี

View icon 228
วันที่ 24 มิ.ย. 2567 | 20.40 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“พิชัย” เสนอปรับเงื่อนไขกองทุน ‘Thai ESG’ ขยายวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ลดถือครองเหลือ 5 ปี เล็งเข้าครม.ภายใน 2 สัปดาห์ คาดรัฐสูญเสียรายได้ 1.3 หมื่นล้าน

วันนี้ (24 มิ.ย.67) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอปรับเงื่อนไขกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG Fund) เพื่อส่งเสริมการออมผ่านการลงทุนในตลาดทุน สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนและกระตุ้นเม็ดเงินตลาดทุนในระยะยาว โดยจะปรับเงื่อนไข 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การขยายวงเงิน ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท จากเดิมไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งผลการศึกษาพบว่า เงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ทุก 1 หมื่นล้าน จะส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) 25-27 จุด อีกทั้งจะเป็นทางเลือกในการออมให้กลุ่มคนอายุน้อย อาชีพอิสระ และกลุ่มคนที่ลงทุนในวงเงินเกษียณ เช่น RMF ไม่เต็มจำนวน

2. การปรับระยะถือครอง 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ จากเดิมที่ถือครอง 8 ปี เพื่อดึงดูดกลุ่มคนอายุน้อย อาชีพอิสระที่รับความเสี่ยงการลงทุนในหลักทรัพย์ได้ แต่ต้องการสภาพคล่องสูงกว่า และ 3.การขยายนโยบายลงทุน ส่งเสริมให้มีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินการที่สร้างความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนในมิติที่ครอบคลุมมากขึ้น จากเดิมที่มุ่งเน้นกิจการโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ให้เพิ่มเติมด้านธรรมาภิบาล (Governance) และส่งเสริมความโปร่งใส ให้ข้อมูลเชิงมูลค่าประกอบการตัดสินใจมากขึ้น

“คาดว่าภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์จะสอบถามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ครบ และเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ซึ่งจะมีผลย้อนหลังถึงวันที่ 1 ม.ค.2567 โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาหลังเปิดขาย 4-5 เดือนสุดท้าย ไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นล้านบาท“

อย่างไรก็ตาม จากเดิมที่มีการเสนอฟื้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อเป็นมาตรการกระตุ้นตลาดทุนนั้น พบว่ามีจุดอ่อนเรื่องระยะเวลาถือครองที่นานเกินไป และความเสี่ยงของหุ้นที่หลากหลาย ดังนั้น การเจาะจงการลงทุนในด้านความยั่งยืน มองว่าจะเป็นเทรนด์อนาคตที่มีโอกาส และยังมีแนวโน้มในการเติบโตจากธุรกิจที่ยังมีขนาดกลางและขนาดเล็ก อีกทั้งเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นการส่งเสริมการออมเงินที่จะสร้างผลตอบแทนได้จริง โดยคาดว่าการปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท เมื่อคำนวณจากฐานผู้เสียภาษีใช้สิทธิลดหย่อนเต็มเพดาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง