ผัวเมียหมายจับอื้อ หลอกลงทุนเทรดหุ้นคริปโท

ผัวเมียหมายจับอื้อ หลอกลงทุนเทรดหุ้นคริปโท

View icon 126
วันที่ 25 มิ.ย. 2567 | 09.26 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
จับแล้ว ผัวเมียหมายจับอื้อ หลอกลงทุนเทรดหุ้นคริปโท ล่อใจเหยื่อด้วยผลตอบแทน หลงเชื่อโอนเงินสุดท้ายถอนเงินลงทุนออกจากแพลตฟอร์มไม่ได้

วันนี้ (25 มิ.ย.67) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กิติภูมิ ศรีแผ้ว สว.กก.5 บก.ป. จับกุมนายพงศักดิ์  อายุ 51 ปี นาง ไพลิน อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง หลอกลวงลงทุนเทรดหุ้นเงินสกุลดิจิทัล ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 4 หมาย โดยจับกุมตัวได้ขณะขับรถมาบนถนนสายเอเซีย ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร

สำหรับคดีนี้ นายพงษ์ศักดิ์และนางไพลิน คู่สามีภรรยา ได้ประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจเทรดหุ้นคริปโท ให้แอดไลน์เพิ่มเพื่อน จากนั้นจะเป็นผู้พาเทรดลงทุนหุ้นคริปโท จนทำให้เหยื่อหลงเชื่อ เนื่องจากอ้างว่ามีผลตอบแทนสูง จึงโอนเงินเข้าบัญชี นายพงษ์ศักดิ์ เพื่อเทรดหุ้นดังกล่าว โดยมีผู้เสียหายหลายคน ความเสียหายรวมหลายแสนบาท เมื่อผู้เสียหายเข้าไปยังเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม ตามที่นายพงษ์ศักดิ์และนางไพลิน สร้างขึ้นหรือทำปลอมขึ้น ก็ไม่สามารถถอนเงินลงทุนออกมาได้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ทราบว่า นายพงษ์ศักดิ์และนางไพลิน ได้ปรากฏตัวอยู่บริเวณริมถนน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 (ถนนเอเซีย ) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งได้พบชายและหญิงมีตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับข้างต้นปรากฏตัวอยู่ที่บริเวณสถานที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าแสดงตัวและได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้นจนทราบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงได้แสดงหมายจับให้ดูและแจ้งให้ทราบว่าจะต้องถูกจับ พร้อมควบคุมตัวมาจัดทำบันทึกการจับกุม สภ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ก่อนนำตัวส่งสภ.ดอนหัวฬ่อ และศาลจังหวัดอุทัยธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยหมายจับ 4 หมาย มีดังนี้

1. ศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ. 496/2566 ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 , ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือหลอกหลวง นำข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
2. ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 742/2566 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น”
3. ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ จ. 147/2567 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่นและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ” รวม 3 หมาย
4.ศาลจังหวัดอุทัยธานี ที่ จ. 219/2566 ลงวันที่ 8 กันยายน 2566 , ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือ ประชาชน”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง