เศรษฐา ยันยึดมั่นตามกฎหมาย หลัง บิ๊กโจ๊ก ขู่ฟ้อง

View icon 55
วันที่ 25 มิ.ย. 2567 | 16.15 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - วันนี้ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ด้วยการไปยื่นฟ้องคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ท่านหนึ่ง ยศ พล.ต.อ. ส่วนนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน บอกว่า "ยึดมั่นตามกฎหมาย" หลังถูกถามถึงกรณีที่บิ๊กโจ๊กขู่จะฟ้องนายกฯ ด้วย และไม่ได้มองว่าเป็นการขู่

เศรษฐา ยันยึดมั่นตามกฎหมาย หลัง บิ๊กโจ๊ก ขู่ฟ้อง
หลังจากเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งในคดีที่ฟ้องหมิ่นประมาทบิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ว่าจะไม่ยอมไกล่เกลี่ย พร้อมกับร้อง ป.ป.ช. เอาผิด บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. และจะเดินหน้าฟ้องบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. รวมถึงนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน หากไม่ถอนคำสั่งให้ออกจากราชการ

ล่าสุดวันนี้ (25 มิ.ย.) ยังมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องจากเรื่องนี้ โดยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวถามนายกฯ ถึงกรณี บิ๊กโจ๊ก ประกาศฟ้องกราวรูด ทั้งบิ๊ก ๆ ตำรวจ และนายกฯ กรณีที่มีคำสั่งให้ออกจากราชการไม่เป็นธรรม และไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยนายกฯ หันมายิ้มก่อนกล่าวว่า "ยึดมั่นตามกฏหมาย"

เศรษฐา เผย ก.ตร. พรุ่งนี้ถกปม บิ๊กโจ๊ก
หลังประชุม ครม. นายกฯ เศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า วันพรุ่งนี้ (26 มิ.ย.) เวลา 15.00 น. จะเข้าร่วมประชุม ก.ตร. มีประเด็นเรื่องการกลับเข้ารับราชการได้หรือไม่ได้ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นหนึ่งในประเด็นที่จะต้องพิจารณาด้วย แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องกลับหรือไม่กลับเพียงอย่างเดียว เพราะมีขั้นตอนทางกฎหมายด้วย คณะกรรมการที่พิจารณาทางวินัยกับคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ก็จะนำข้อมูลต่าง ๆ มาร่วมพิจารณา ซึ่งจะต้องฟังให้รอบด้าน

ผู้สื่อข่าวถามอีกครั้งว่า เป็นการขู่หรือไม่ที่บิ๊กโจ๊กจะดำเนินการฟ้องร้อง ซึ่ง นายกฯ บอกว่า "ผมเข้าใจว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีความเดือดร้อนและร้อนใจ แต่ผมเชื่อว่าในฐานะที่เป็นคนทำงานด้วยกัน เราก็เข้าใจถึงความร้อนใจ และผมเองไม่ได้มองว่าเป็นการขู่"

วิษณุ สะกิด บิ๊กโจ๊ก ไม่ควรฟ้องนายกฯ
นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม. กรณีบิ๊กโจ๊กจะฟ้อง ม.157 นายกฯ ว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีสิทธิฟ้อง เพราะเป็นการฟ้องส่วนตัว แต่เห็นว่าไม่ควรฟ้องและไม่น่าฟ้อง เพราะยังมีช่องทางที่จะได้รับการเยียวยาหลายช่องทาง ควรไปใช้ช่องทางปกติ โดยใช้ช่องทางของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. เมื่อมีคำตัดสินออกมาอย่างไร ให้ปฏิบัติตามนั้น และเวลานี้เรื่องทั้งหมดอยู่ที่ ก.พ.ค.ตร. ความเห็นจากฝ่ายต่าง ๆ ทั้งอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. คณะกรรมการกฤษฎีกา จะเป็นหลักฐานที่ส่งไปที่ ก.พ.ค.ตร. เพื่อวินิจฉัย คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ตกลงตอนนี้บิ๊กโจ๊ก สามารถกลับเข้ามาเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ได้หรือไม่ นายวิษณุ บอกว่า ถ้าดูจากวันนี้เดี๋ยวนี้ตอบได้ว่ามี แต่ถ้าต่อไป อาจมีการแก้เกมอย่างอื่น จนไม่ได้เป็นก็ได้ เพราะยังมีช่องกฎหมายอีกเยอะ ซึ่งตามช่องที่คณะกรรมการกฤษฎีกาบอกว่า กระบวนการไม่ชอบ และเป็นเอกฉันท์ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีโอกาสที่จะไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้หรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า เขาจะไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ แน่ เว้นแต่ ก.พ.ค.ตร.จะสั่งลงมา แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่บอกว่าหนังสือที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ มีข้อสังเกตว่า ควรจะถูกต้องตามกระบวนการ เพราะมีตัวอย่างมาแล้วนับ 10 เรื่อง ที่กระบวนการไม่ถูก แล้วถูกส่งกลับมา ดังนั้นต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ก.พ.ค.ตร. และรัฐบาลเองก็ฟัง ก.พ.ค.ตร.จะเอาอย่างไรก็เอาตามนั้น

เลขาฯ ครม. เผยรอตรวจสอบขั้นตอนให้ถูกต้องก่อนทูลเกล้าฯ
อีกคนที่ผู้สื่อข่าวพยายามถามก่อนเข้าประชุม ครม. คือ นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการ ครม.กรณีคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุขั้นตอนการดำเนินการให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการไว้ก่อนไม่ถูกต้อง ซึ่งนางณัฐฏ์จารี บอกว่า ต้องรอคุยกับนายกรัฐมนตรีก่อน เมื่อถามว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนนำความขึ้นทูลเกล้าฯ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อจะดำเนินการขั้นตอนให้ถูกต้องใช่หรือไม่ เลขาฯ ครม. บอกว่า "ใช่" ต้องรอตรวจสอบขั้นตอนให้ถูกต้องก่อน ส่วนจะส่งตัวบิ๊กโจ๊ก กลับไปเป็นรอง ผบ.ตร. ได้หรือไม่นั้น นางณัฏฐจารีย์ บอกว่า "ม่ทราบ"

บิ๊กโจ๊ก ฟ้อง 1 ใน ก.ตร. ยศ พล.ต.อ.
ส่วน บิ๊กโจ๊ก วันนี้ ไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ยื่นฟ้องคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ท่านหนึ่ง ยศพลตำรวจเอก และเป็นกูรูด้านกฎหมายที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น เพื่อตรวจสอบประเด็นความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีให้สัมภาษณ์ยืนยันข้อเท็จจริงให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าใจผิดว่า บิ๊กโจ๊ก มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเว็บพนันออนไลน์ หลังศาลอนุมัติหมายจับในคดีดังกล่าว

บิ๊กโจ๊ก บอกว่า แม้ว่าศาลจะออกหมายจับตนในคดีเว็บพนันออนไลน์ แต่ก็เป็นเพราะไม่ไปตามหมายเรียก ไม่ใช่เพราะกระทำความผิด แต่การที่กูรูท่านนั้น ซึ่งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบประเด็นความขัดแย้ง ที่มีหน้าที่เพียงตรวจสอบและรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ ไม่ได้มีหน้าที่ออกมาพูดวินิจฉัยเรื่องคดี หรือพิพากษาคดีเองแทนศาล รวมถึงต้องให้สิทธิผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจง ฟังความและพยานจากทั้ง 2 ฝ่าย โดยตราบใดที่ศาลยังไม่พิพากษาคดีถึงที่สุด ก็ถือว่าผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นการที่กูรูให้ความเห็นคดีชี้นำสังคม ทำให้สังคมเชื่อไปแล้วว่า ตนรับเงินเว็บพนันจริง หรือมีความผิดฐานฟอกเงิน จึงเข้าข่ายหมิ่นประมาท

"กูรู" สามารถให้ความรู้ทางกฎหมายได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกหมายจับหรือหมายเรียก แต่ไม่ใช่ชี้นำสังคมให้เข้าใจว่าบุคคลใดมีความผิด แต่กูรูท่านนี้อาจเกษียณจากราชการตำรวจไปนาน ลืมข้อกฎหมาย จนละเมิดสิทธิทางอาญา

บิ๊กโจ๊ก ลั่นถ้าได้กลับทำงาน พาไทยขึ้นเทียร์ 1 แก้ปัญหาค้ามนุษย์
ที่น่าสนใจอีกเรื่อง คือการที่บิ๊กโจ๊กโพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก รายงานผลการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ ปี 2566 โดยประเทศไทยยังรักษาระดับเทียร์ 2 ไว้ได้ ข้อความสำคัญจะอยู่ตรงประโยคที่ว่า

"ผมตั้งใจว่า หลังจากที่ผมได้กลับเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของภาคประมงยังคงที่มีการละเมิดกฎหมายเรื่องค้ามนุษย์อยู่ รวมถึงการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานรัฐ และ NGO เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยขยับสถานะขึ้นไปอยู่ Tier 1 ในปีหน้าให้ได้"

ทนายตั้ม บุก สตช. จี้ ผบ.ตร. จัดการคดี บิ๊กต่อ
ส่วนอีกความเคลื่อนไหวหนึ่ง ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางมายื่นหนังสือถึงบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เพื่อให้เร่งรัดดำเนินคดีกับตัวบิ๊กต่อกับภรรยา

ทนายตั้ม บอกว่า คดีที่ สน.เตาปูน ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการเรียกใครไปแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งที่เส้นทางการเงินในบัญชีเห็นชัดเจนว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชีคนในครอบครัวของ ผบ.ตร. อยากถามนายกฯ รีด้วยว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทั้งที่รู้ว่า ผบ.ตร. ถูกดำเนินคดีรับเงินคดีเว็บพนัน แต่กลับไม่มีการทำอะไร และอนุญาตให้กลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม

อีกทั้งอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนข้อขัดแย้ง ที่นายกฯ ตั้งขึ้น เชื่อว่าประชาชนอยากรู้ว่าการใช้เวลา 3 เดือน ในการตรวจสอบผลตรวจสอบเป็นอย่างไร ประชาชนไม่ได้อยากรู้ใครทะเลาะกับใครประชาชนต้องการรู้ว่าใครผิดหรือใครถูก มั่นใจว่าทางคณะกรรมการต้องมีการเอื้อประโยชน์ให้กับ ผบ.ตร

การมา สตช.ของทนายตั้ม ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่า ได้นำรถยนต์ส่วนตัวไปจอดในที่จอดรถของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงถามว่า เหตุใดจึงนำรถส่วนตัวไปจอดในรถของผู้บังคับบัญชา ซึ่งทนายตั้ม บอกว่า เห็นว่าที่จอดรถว่างอยู่ จึงนำรถตัวเองเข้าไปจอดเฉยๆ เพราะใน สตช. หาที่จอดรถยากจะตาย ซึ่งปกติแล้ว จะไม่มีการอนุญาตให้รถยนต์ของประชาชนทั่วไป เข้าไปจอดในช่องจอดรถยนต์เฉพาะสำหรับผู้บังคับบัญชา ถ้ามีการประสานล่วงหน้า เจ้าหน้าที่จะจัดที่จอดไว้ให้อีกจุดหนึ่ง

ประเด็นนี้ ผู้สื่อข่าวนำไปถามบิ๊กโจ๊ก ตอนที่ไปยื่นฟ้องอยู่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งบิ๊กโจ๊ก บอกว่า ที่ทนายตั้ม นำรถส่วนตัวไปจอดที่จอดรถประจำตำแหน่งของตนใน สตช. และอ้างว่าคุยกับสำนักงานของตนเองแล้วนั้น ยืนยันว่าตนเองไม่ทราบเรื่อง ไม่มีการประสานใด ๆ มา

บิ๊กโจ๊ก ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ขอให้ยกเลิกคำสั่งออกจากราชการ
ล่าสุด ตัวแทนบิ๊กโจ๊ก เดินทางไปที่ศูนย์รับ-ส่งหนังสือตำรวจแห่งชาติ สำนักเลขานุการตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร. ให้พิจารณายกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยมีสองประเด็นสำคัญที่ให้พิจารณา คือ

1. ยกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 177/2567 และเลขที่ 178/2567

2. มอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กลับเข้าไปรับตำแหน่งหน้าที่ตามเดิม

หากไม่ดำเนินการ ละเลยหรือประวิงเวลา จนได้รับผลกระทบหรือได้รับความเสียหายต่อสิทธิที่ควรจะได้รับ ถือว่ามีเจตนากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง