อุทธรณ์แก้โทษ สุเทพ เหลือคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา คดีชัตดาวน์กรุงเทพฯ ส่วนอีก 13 ราย รับโทษหลั่นกัน

อุทธรณ์แก้โทษ สุเทพ เหลือคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา คดีชัตดาวน์กรุงเทพฯ ส่วนอีก 13 ราย รับโทษหลั่นกัน

View icon 182
วันที่ 27 มิ.ย. 2567 | 14.18 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ศาลอุทธรณ์แก้ลดโทษ สุเทพ-กปปส. รวม 14 ราย เหลือคุก 1 ปี ถึง 1 ปีเศษ ไม่รอลงอาญา คดีชัตดาวน์กรุงเทพฯ ทนายชี้ ศาลอุทธรณ์มองทำผิดกรรมเดียว รอลุ้นประกันชั้นฎีกา ส่วนที่เหลืออีก 19 ราย ยกฟ้อง  

วันนี้ (27 มิ.ย.67) ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.247/2561 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกแกนนำ และแนวร่วม กปปส.รวม 39 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ, กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯ

คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556 - 1 พ.ค. 2557 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1 ได้จัดตั้งคณะบุคคล ชื่อ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือกลุ่ม กปปส. มีนายสุเทพ เป็นเลขาธิการ โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลังแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ฐานเป็นกบฏเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบเพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง

รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง สส.ทั่วไป เพื่อไม่ให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส. จากนั้นจะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชน เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่าง ๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่ง เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13 ม.ค. - 2 มี.ค. 2557 พวกจำเลยได้บังอาจปิดกรุงเทพมหานครด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพฯ รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน

นายสุเทพ กับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2564 จำคุกจำเลยรายสำคัญ โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ในส่วนของความผิดฐานกบฏและก่อการร้าย พฤติการณ์ชุมนุมไม่มีการใช้กำลังประทุษร้ายบุคคลใด เพื่อล้มล้างการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ นิติบัญญัติ อำนาจบริหาร จึงไม่เป็นความผิดฐานกบฏ และก่อการร้าย เเต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และจำเลยอื่นรวม 26 คน ศาลตัดสินจำคุกในความผิดฐานยุยงให้เกิดการหยุดงาน เพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา, ร่วมกันมั่วสุม 10 คนขึ้นไป, ร่วมกันบุกรุกสำนักงานผู้อื่นในเวลากลางคืน, ร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น  และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย

ขณะที่ในช่วงเข้าวันนี้ นายสุเทพ และแกนนำ กปปส.ทั้ง 37 คน ต่างทยอยเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามนัด โดยมีมวลชนและบุคคลใกล้ชิดกว่า 100 คน เดินทางมาให้กำลังใจ

เมื่อถึงเวลานัด ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ สรุปว่า ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว พิพากษาแก้โทษ ให้จำคุกนายสุเทพ จำเลยที่ 1, นายชุมพล จุลใส จำเลยที่ 3, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำเลยที่ 4, นายอิสสระ สมชัย จำเลยที่ 5, นายถาวร เสนเนียม จำเลยที่ 7, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำเลยที่ 8, น.ส.อัญชลี ไพรีรัก จำเลยที่ 10, นายถนอม อ่อนเกตุพล จำเลยที่ 14, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำเลยที่ 15, พระพุทธะอิสระ หรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ จำเลยที่ 16, นายสาธิต เซกัลป์ จำเลยที่ 17, เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ จำเลยที่ 24, นายคมสัน ทองศิริ จำเลยที่ 26, นายสาวิทย์ แก้วหวาน จำเลยที่ 29, นายอมร อมรรัตนานนท์ จำเลยที่ 34 และ นายกิตติชัย ใสสะอาด จำเลยที่ 37 ฐานยุยงปลุกปั่นฯ คนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา นอกจากนี้ จำเลยที่ 3,5,8,16,24,33,38 มีความผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้ง ให้จำคุกคนละ 8 เดือน ขณะที่จำเลยที่ 10,14,17,38 มีความผิดฐานขัดขวางเลือกตั้ง จำคุกคนละ 8 เดือน แต่ให้รอลงอาญา

รวมโทษจำคุก นายสุเทพ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 1 ปี ,จำคุก นายชุมพล จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน , จำคุก นายพุทธิพงษ์ จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 1 ปี ,จำคุก นายอิสสระ จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน ,จำคุก นายถาวร จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 1 ปี ,จำคุก นายณัฎฐพล จำเลยที่ 8 เป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน ,จำคุก นายสมศักดิ์ จำเลยที่ 15 เป็นเวลา 1 ปี ,จำคุก นายสุวิทย์ จำเลยที่ 16 เป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน ,จำคุก เรือตรีแซมดิน จำเลยที่ 24 เป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน,จำคุก นายคมสัน จำเลยที่ 26 เป็นเวลา 1 ปี , จำคุก นายสาวิทย์ จำเลยที่ 29 เป็นเวลา 1 ปี , จำคุก นายสำราญ จำเลยที่ 33 เป็นเวลา 8 เดือน, จำคุก นายอมร จำเลยที่ 34 เป็นเวลา 1 ปี ,จำคุก นายกิตติชัย จำเลยที่ 37 เป็นเวลา 1 ปี ,จำคุก น.ส.อัญชลี จำเลยที่ 10 เป็นเวลา 1 ปี ปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา ,จำคุกนายถนอม จำเลยที่ 14 เป็นเวลา 1 ปี ปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา, จำคุกนายสาธิต จำเลยที่ 17 เป็นเวลา 1 ปี โทษจำคุกให้รอลงอาญา ปรับ 8,000 บาท ,จำคุก นางทยา จำเลยที่ 38 เป็นเวลา 8 เดือน ปรับ 13,333 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยที่ 3, 5, 8, 16, 24, 33,และ 38 ด้วย มีกำหนดคนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 19 คน ให้ยกฟ้อง

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของนายสุเทพ เผยว่า วันนี้ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษามีรายละเอียดค่อนข้างมาก แต่เท่าที่จดมาทันคือศาลอุทธรณ์ยกฟ้องในข้อหากบฏและก่อการร้าย พิพากษาลดโทษจำคุก นายสุเทพกับพวก จากเดิมตั้งแต่ 4 -9 ปีกว่า ก็ลดกันมาเหลือคนละ 1 ปี -1 ปีเศษ โดยนายสุเทพกับนายถาวร เสนเนียม เหลือจำคุกคนละ 1 ปี ไม่รอลงอาญา เหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษ เนื่องจากมองว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวเหตุต่อเนื่องกัน ต่างจากศาลชั้นต้นที่มองเป็นการกระทำหลายกรรมโทษเลยสูง โดยพิพากษาจำคุกไม่รอลงอาญาทั้งหมด 14 คน ส่วนรายอื่นก็มีพิพากษาแก้ยกฟ้อง และมีเพิ่มโทษ จำเลยที่ไม่รอลงอาญาขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นประกันในชั้นฎีกา ซึ่งคาดว่าศาลจะมีคำสั่งได้ในวันนี้เลยเรื่องจากศาลชั้นต้นสามารถสั่งเองได้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจว่าจะส่งศาลฎีกาหรือไม่ หลักทรัพย์เดิมเราเตรียมไว้พร้อมเเล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง