ศาลฎีกาพิพากษายืนประหารชีวิต พ.ต.ท. บรรยิน

View icon 46
วันที่ 28 มิ.ย. 2567 | 06.56 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - คดีฆาตกรรมอำพราง "เสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง" มาถึงตอนจบแล้ว เมื่อศาลฎีกาอ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ สั่งประหารชีวิต "พันตำรวจโท บรรยิน" เพราะฎีกาทุกข้อฟังไม่ขึ้น

จุดเริ่มต้นคดีนี้ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ปี 2558 นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชื่อดัง เสียชีวิต จากขับรถประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้ที่ย่านศรีนครินทร์ ตอนนั้น พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อยู่ในที่นั่งคนขับ แต่แทบไม่เป็นอะไรเลย บอกว่ามีรถยนต์ขับปาดหน้ากะทันหัน ทำให้ต้องหักหลบรถพุ่งไปชนต้นไม้ข้างทาง นายชูวงษ์ ที่ไม่ได้คาดเข็ดขัดนิรภัย จึงถูกแรงกระแทกบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต

ต่อมา มีพิรุธเกิดขึ้นตรงที่หลังการเสียชีวิตของ นายชูวงษ์ ไปได้เพียงไม่กี่วัน กลับมีการโอนหุ้น 228 ล้านบาท และ 40 ล้านบาท ไปให้กับพริตตี 2 คน ที่เป็นโบรกเกอร์หุ้น ตอนนั้นแหละที่ครอบครัวติดใจว่าแปลก ๆ ประกอบกับสภาพศพของ นายชูวงษ์ มีรอยรัดที่คอ เชื่อว่าไม่น่าเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ

ก็เลยไปขอให้ ตำรวจสอบสวนกลาง คลี่คลายปมคดีนี้ จนไปพบพิรุธการปลอมแปลงลายเซ็น นำไปสู่การพิสูจน์สาเหตุการตาย จนเชื่อได้ว่ามีการจัดฉากให้ดูเหมือนคดีอุบัติเหตุ ประกอบกับคำให้การที่ไม่สมเหตุสมผลของ พันตำรวจโท บรรยิน เอง ที่อ้างว่าขับรถมาเร็วแค่ 30 กิโลเมตรเท่านั้น แต่กลับมีช่วงหนึ่งที่รถหายไปถึง 30 นาที ไม่นับเรื่องที่ถูกคุ้ยประวัติ แล้วพบว่าคนรอบตัวไม่น้อยที่เสียชีวิตปริศนา

กระทั่ง 2 กุมภาพันธ์ ปี 2563 พี่ชายของผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่ชี้ขาดในคดีนี้ ถูกอุ้มหายไปจากหน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ก่อนมีสายปริศนาโทรไปขู่ว่า ถ้าไม่ยกฟ้องคดีโอนหุ้น จะไม่รับรองความปลอดภัย และเพราะผู้พิพากษาไม่ยอมทำตาม จึงเป็นเหตุให้พี่ชายเสียชีวิต ถูกฆ่าอำพรางศพที่จังหวัดนครสวรรค์ ก่อนที่ตำรวจกองปราบฯ จะคลี่คลายคดี พิสูจน์ได้ว่า พันตำรวจโท บรรยิน เป็นผู้บงการ และตามไปจับกุมตัวได้

แต่ยังไม่วายว่า จะมีการวางแผนให้ทนายความช่วยประกันตัวนักโทษ 2 คน ให้ทั้งคู่ย้อนกลับมาช่วยชิงตัว พันตำรวจโท บรรยิน อีกที ระหว่างถูกคุมตัวไปฟังการพิจารณาคดี แต่สุดท้ายไปไม่รอด ถูกตำรวจสกัดจับกุมได้

ทำให้ พันตำรวจโท บรรยิน ถูกดำเนินคดี 4 คดี ทุกคดีมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นออกมาแล้ว บางคดีไปถึงขั้นอุทธรณ์ แต่สำหรับคดีหลักที่เป็นคดีฆาตกรรมอำพราง นายชูวงษ์ ไปถึงขั้นศาลฎีกา หากไล่เรียงตามผล ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต เพราะเห็นว่าเป็นการวางแผนฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ต่อมา ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ที่ยื่นอุทธรณ์มาฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และเมื่อวานนี้ ศาลอาญาพระโขนง อ่านคำพิพากษาชั้นฎีกา เห็นพ้องตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และศาลชั้นต้น ฎีกาทุกข้อของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนสั่งประหารชีวิต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง