เจ้าหน้าที่ปอเนาะ จ.กระบี่ โต้ลั่นไม่เคยทำร้ายผู้บำบัดยาเสพติด เผยหัวโจกพาเพื่อนหนีเคยติดคุก 25 ปี ขู่ฆ่ายายติดเตียงต้องการมรดก
วันนี้ (29 มิ.ย.67) ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ รับแจ้งจากสถาบันศึกษาปอเนาะอันฮารุ้ลอูลูม หรือ ปอเนาะคลองกำ ต.คลองประสงค์ อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ว่ามีผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัดอาการติดยาเสพติดกว่า 30 คน หลบหนีออกจากปอเนาะ
ตำรวจจึงนำกำลังตำรวจสายตรวจออกไปตรวจสอบ ทราบว่ากลุ่มผู้หลบหนี ใช้เรือหางยาวของชาวบ้านขับข้ามฟากเข้ามาในตัวเมืองกระบี่ ก่อนได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเห็นกลุ่มผู้หลบหนี เดินหนีกันไปทางซอยเจริญทรัพย์ ถนนกระบี่-เขาทอง ต.ปากน้ำ จึงตามไปคุมตัวผู้หลบหนีได้ 1 คน และ ยังพบผู้หลบหนีกลุ่มใหญ่11 คน ซ่อนตัวอยู่ใกล้กับป่าโกงกาง จึงเข้าไปพูดคุยเจรจา
กลุ่มผู้หลบหนี บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า เหตุที่ต้องหลบหนี เพราะต้องการกลับบ้าน และจะไม่ยอมกลับเข้าไปปอเนาะอีก เนื่องจากความเป็นอยู่ยากลำบาก แออัดอยู่รวมกันกว่า 1,000 คน อาหารการกินก็ไม่ดี แม้ทางบ้านส่งเงินมาให้ แต่เจ้าหน้าที่ในปอเนาะ ให้ใช้จ่ายกันแค่วันละ 20 บาท ไม่สามารถซื้อของกินดีๆ ได้ และ ยังมีเรื่องทำโทษหนักเกินไป จึงพร้อมใจกันวิ่งหนีออกมาช่วงหลังการทำละหมาด โดยต้องเอาเรือของชาวบ้านขับหนีข้ามฟากมาในตัวเมืองกระบี่ เพราะไม่มีชาวบ้านยอมนำเรือมาส่ง ตำรวจจึงเกลี้ยกล่อม ว่าหากจะกลับบ้าน ขอให้ไปอยู่รวมตัวที่ สภ.เมืองกระบี่ เพื่อรอติดต่อญาติมารับ ทุกคนจึงยอม ส่วนกลุ่มผู้หลบหนีอีกกว่า 15 คน จนท.ยังตามตัวไม่เจอ
เมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อไปที่ปอเนาะ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ได้รับคำบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่ว่า กลุ่มผู้ป่วยวางแผนเอาไม้ไปไล่ทุบตี ผู้ดูแลในโรงเรียน จากนั้นก็พากันหนีออกไป โดยแกนนำพาหนีอยู่มาเกือบ 1 ปี ก่อนเข้าบำบัดเคยติดคุกมาแล้ว 25 ปี คดีเกี่ยวกับอาวุธสงคราม ยิงเจ้าหน้าที่ที่ จ.ชลบุรี เพิ่งออกจากคุกได้ไม่ถึงเดือน ผู้ปกครองก็เอาตัวมาส่งไว้ เพราะจะฆ่ายายที่ป่วยติดเตียงเพื่อเอามรดก ออกจากคุกมาก็จะก่อเรื่อง และยังมีพฤติกรรมเสพยาตลอด ทั้งนี้ ในปอเนาะมีญาติพี่น้องของเขาอยู่ด้วยกัน 4 คน แต่ไม่คิดหนีตามออกไป
ส่วนเรื่องสภาพความเป็นอยู่แออัดนั้น เจ้าหน้าที่ ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุข มาตรวจสอบตลอด ทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐาน เรื่องเงินที่ให้ใช้จ่ายวันละ 20 บาทนั้น ก็ไม่เป็นจริง สำหรับค่าใช้จ่ายของโรงเรียนทั้งค่าน้ำค่าอาหาร 3 มื้อ ค่าไฟ ค่าซักผ้า จะรวมอยู่ที่ 2,500 บาท และ ยืนยันว่าเรื่องทำร้ายร่างกายไม่มีแน่นอน หากทำผิดมีบทลงโทษหนักสุดคือตีฝ่าเท้า ส่วนคนที่ถูกล่ามโซ่มักจะเป็นคนในสภาพอาการหลุด ไม่ได้เล่นยาแล้วมีอาการหลุด ล่ามเพื่อจะได้ดูแลใกล้ชิดขึ้น ป้องกันอาละวาดไปทำร้ายร่างกายเพื่อน และ ยินดีเปิดให้เข้ามาตรวจสอบในโรงเรียนปอเนาะได้ทั้งหมด
