ชายวัย 66 ปี เก็บออมเงินทั้งชีวิต ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสูญเงินกว่า 4.3 หมื่นบาท เผยกลลวงแก๊งนี้ อ้าง ผู้เสียหายนำเด็กไปรักษาที่ รพ.แล้วทอดทิ้ง ก่อนให้แอดไลน์คุยรูปคดี หลังจากนั้นให้โยกเงินเข้าบัญชีม้า อ้างเป็นการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
วันนี้ (1ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ชัยภูมิ ลงพื้นที่พบกับนายสุพี อายุ 66 ปี ชาวบ้านนายางกลัก ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ หลังได้ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ ได้โทรศัพท์มาหา อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดขอนแก่น แจ้งว่าตนได้นำเด็กผู้ชายไปรักษาที่โรงพยาบาล เเละได้ทิ้งเด็กอายุประมาณ 3 ปี มาทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล โดยมิจฉาชีพแอบอ้างว่า เด็กถูกทำร้ายร่างกายมาได้รับบาดเจ็บ จึงได้ทำการรักษา และส่งมอบเด็กให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามหาญาติของเด็ก
โดยมิจฉาชีพได้ทำทีท่าประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับให้ นายสุพี พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ซึ่งมิจฉาชีพก็ได้โอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและให้คุยสอบถามกัน เมื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่ตนกำลังคุยด้วยได้อ้างว่า ตนมีสิ่งของผิดกฎหมาย โดยมีการพูดคุยกันสักระยะ ก่อนที่ผู้ชายปลายสายจะให้ตนแอดไลน์ เพื่อติดต่อพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องรูปคดี โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้ชื่อแอบอ้างเป็น นายตำรวจในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น พูดชี้แจงและเชิงข่มขู่ พร้อมกับให้ตนโยกเงินในบัญชีทั้งหมด โอนไปยังบัญชีของเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบ หากไม่โอนจะมีความผิดและบัญชีธนาคารจะถูกอายัด
หลังจากนั้นด้วยความกลัวเงินในบัญชีจะถูกอายัด เพราะเป็นเงินเก็บจากประกอบอาชีพเป็นพนักงานเก็บน้ำประปาในหมู่บ้าน โดยสะสมเก็บเงินมาเกือบทั้งชีวิต นายสุพี อายุ 66 ปี จึงเอาสมุดบัญชีเดินทางไปที่ร้านค้าที่รับโอนเงิน ทำธุรกรรมโอนเงินไปยังบัญชี นายเดชา สิทธิชัย บัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 2 ครั้ง เป็นเงินรวมกันประมาณ 30,000 บาท นอกจากนี้ยังมีคนเข้ากับบัญชีธนาคาร ธกส. และธนาคารกสิกรไทย ธนาคารละกว่า 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 43,000 บาท
โดยรายชื่อในบัญชีของมิจฉาชีพจะไม่มีรายชื่อซ้ำกัน จนกระทั่งผ่านไปหลายวัน และรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงปรึกษาญาติและได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.วุฒิชัย ยืมสูงเนิน สว.(สอบสวน)สภ.เทพสถิต หลังถูก มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายสุพี อายุ 66 ปี ผู้เสียหาย ยังบอกอีกว่าระหว่างแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังได้พยายามโทรศัพท์มาหาตน ให้โอนเงินที่เหลือในบัญชีไปเพิ่ม ซึ่งหลังเกิดเหตุยอมรับว่าเสียใจกับการโดนหลอกลวง เพราะเป็นเงินที่ทำงานมาทั้งชีวิตก็ว่าได้ นอกจากนี้ ในเวลาไล่เรี่ยกัน ยังมีชาวบ้านในเขตพื้นที่ ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ใกล้เคียงกันได้ถูกหลอกในลักษณะเดียวกันจำนวน 2 ราย ทราบว่าเป็นเงินกว่า 100,000 บาท จึงอยากจะฝากเตือนชาวบ้าน ไม่อยากจะให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพต่อไป
