ดรามา! แม่ตามหาลูก ขโมยบะหมี่กินประทังชีวิต

View icon 63
วันที่ 1 ก.ค. 2567 | 16.22 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - แม่ร่ำไห้! ขึ้นโรงพักสารภาพผิด ที่ไปขโมยบะหมี่สำเร็จรูปตามร้านสะดวกซื้อกิน เพื่อประทังชีวิต หลังออกตามหาลูกจนหมดเงิน ตำรวจต้องปล่อยเธอกลับบ้านมาก่อน เพราะยังมีเจ้าทุกข์มาแจ้งความ

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อติดตามคดีนี้ ได้พบกับ นางสาวบัวแพง น้อยแก้ว อายุ 47 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี กำลังสารภาพผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ว่าไปขโมยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โดยนำซองบะหมี่มาแสดงเป็นหลักฐานด้วย พร้อมมาร้องขอความช่วยเหลือให้ช่วยตามหาลูกสาวที่ผลัดพรากจากกัน 4 ปีให้ที

นางสาวบัวแพง เล่าให้ฟังว่า ที่มาโรงพักก็เพื่ออยากมาสารภาพผิด ที่ไปขโมยของที่ร้านสะดวกซื้อ ก่อนที่คิดจะขโมยของ ตนไปตามหาลูกสาวที่จังหวัดขอนแก่น ตามหาลูกจนเงินหมด และไม่เจอตัว ตอนนั้นหิวมาก ไม่มีเงินจะซื้ออาหาร มีแต่เงินค่ารถไฟกลับอุดรธานี จึงตัดสินใจเข้าไปขโมยของในร้านสะดวกซื้อที่จังหวัดขอนแก่น จากนั้นก็นั่งรถไฟกลับมาที่จังหวัดอุดรธานี มาถึงจังหวัดอุดรธานีก็หิวอีก จึงเข้าร้านสะดวกซื้อขโมยของอีก วันนี้ตนจึงรู้สึกสำนึกผิด จึงมารับสารภาพต่อหน้าตำรวจ และอยากฝากให้สื่อช่วยประชาสัมพันธ์ ช่วยตามหาลูกสาวให้ที เนื่องจากเมื่อปี 2563 ตนเคยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ ล้างจาน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ถูกดำเนินคดีต้องโทษที่เรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานี 2 ปี ในคดีลักทรัพย์และครอบครองยาเสพติด และเพิ่งพ้นโทษออกมาในปี 2565 ซึ่งตอนนั้นลูกสาวของตนก็ติดคุกด้วยเช่นกันในคดียาเสพติด หลังพ้นโทษก็ยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และอาศัยอยู่กับพี่สาวและพี่เขย และตอนนี้พี่ก็บอกให้ตนไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่ตนก็ไม่มีที่ไป ตนจึงออกตามหาลูกสาว แต่ก็ยังไม่พบ

ทางด้าน นายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือ เจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย พอรู้ข่าวได้เดินทางมาที่โรงพักทันที เพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้น โดย เฮียเปี๊ยก ได้ประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้เข้ามาช่วย ล่าสุดเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้าน นางสาวบัวแพง แล้ว โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นห้องเช่า ที่พี่สาวเช่าเอาไว้ และจากการตรวจสอบพบว่า นางสาวบัวแพง มีอาการจิตเวชอ่อน ๆ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ป่วย และเป็นผู้พิการ จึงประสานสาธารณสุขให้เข้ามาช่วยดูแล รวมถึงได้ประสานกับผู้นำชุมชนให้ช่วยกันสอดส่องดูแลอีกทาง

ส่วนเรื่องคดีความของ นางสาวบัวแพง ตอนนี้ตำรวจยังดำเนินคดี เนื่องจากยังไม่มีเจ้าทุกข์มาแจ้งความ แต่ถ้าหากมีเจ้าทุกข์มาแจ้งความ เฮียเปี๊ยก พร้อมจะชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด และ เฮียเปี๊ยก ได้ขอให้ นางสาวบัวแพง อย่าไปขโมยของที่ไหนอีก หากไม่มีเงินกินข้าวให้โทรศัพท์มาขอที่ตนแทน ส่วนเรื่องลูกสาวที่ตามหา ได้ข้อมูลมาว่า ลูกสาวได้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำมาก่อนแม่ แม่จึงไม่รู้ว่าลูกไปอยู่ที่ไหน หลังจากนี้จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยประชาสัมพันธ์ตามหาลูกสาวให้ หากลูกสาวดูข่าวอยู่ให้ติดต่อแม่ด้วย

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเช่าของ นางสาวบัวแพง ที่ชุมชนมั่งคั่ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี โดย นางสาวบัวแพง อาศัยอยู่กับพี่สาวและพี่เขย โดยพี่สาวแบ่งห้องให้อยู่ 1 ห้อง สภาพภายในห้องก็ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรมากหนัก มีเพียงพัดลม 1 ตัว

จากการสอบถาม นายแจ๊ค สามีพี่สาวของนางสาวบัวแพง เล่าว่า นางสาวบัวแพง อาศัยอยู่กับตนและภรรยาที่บ้าน หากวันไหน นางสาวบัวแพง ไม่เสพยาเสพติด ก็จะเป็นคนดีพูดคุยรู้เรื่อง หากเสพก็จะเปลี่ยนไปคนละคนคล้ายคนเสียสติ พูดจาไม่รู้เรื่อง ส่วนที่เขาอ้างว่ามีลูกสาวนั้นจริง อายุประมาณ 30 ปี แต่เขาไม่ได้เป็นคนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ลูกไปอยู่กับทางญาติสามีตั้งแต่เด็ก มีไป ๆ มา ๆ บ้าง จนตอนหลังไปถูกจับด้วยกัน ตนคิดว่าน่าจะอยู่เรือนจำยังไม่ได้ออกมา

ทางด้าน นายชัย ศรีจันทร์เพ็ญ ประธานชุมชน เล่าให้นักข่าวฟังว่า แต่ก่อน นางสาวบัวแพง เป็นคนนิสัยดี แต่มาตอนหลังเห็นว่าไม่มีที่อยู่ เพราะพี่สาวไม่ให้อาศัยอยู่ด้วยแล้ว ก็เลยเร่ร่อนไป ๆ มา ๆ

หลังจากนี้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะเข้าไปตรวจสอบพฤติกรรมของ นางสาวบัวแพง ว่ายังข้องเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ หากพบว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะนำตัวไปบำบัดและรักษา และพาไปอยู่ในความดูแลของ พม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง