บุกร้านคาราโอเกะ จับสาวไทย-ลาว 7 คน  นวดแผนโบราณ แฝงค้ากาม

บุกร้านคาราโอเกะ จับสาวไทย-ลาว 7 คน นวดแผนโบราณ แฝงค้ากาม

View icon 91
วันที่ 1 ก.ค. 2567 | 16.32 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ปคม. บุกร้านคาราโอเกะย่านหนองจอก จับเจ้าของร้าน สาวบริการไทย-สปป.ลาว อีก 6 คน  นวดแผนโบราณ แฝงค้ากาม

วันนี้ (1 ก.ค.67) พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. สั่งการให้ , พ.ต.อ.ไตรรงค์ ชัยชนะ ประจำ (สบ5) ปฏิบัติราชการ บก.ปคม., พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส, ว่าที่ พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ ผกก.1 บก.ปคม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ณัฏฐพัชร์ งามประดิษฐ์, ว่าที่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ หญีตบึ้ง, ว่าที่ พ.ต.ต.ภาณุพันธ์ ฤทธิเดช สว.กก. 1 บก.ปคม., ว่าที่ พ.ต.ต.พศวัต ศรีสุขโข, ร.ต.อ.ฉลอง เกิดทรัพย์, ร.ต.ท.หญิง สุกัลยา โพธิ์คัง รอง สว.(ป) กก.1 บก.ปคม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม คนไทย 4 คน ได้แก่ 1.นางรัศมี (เจ้าของร้าน) 2.น.ส.เกศราวดี 3. น.ส.นภาพร และ 4. นางสาวิตรี ฐานมั่วสุมในสถานการค้าประเวณีฯ โดยนางรัศมี ถูกแจ้งข้อหาทำความผิดฐาน 1. เป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณี ผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการการค้าประเวณีฯ และรับบุคคลต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตฯ

นอกจากนี้ ยังจับกุมชาว สปป.ลาว 3 คน ได้แก่ 1. น.ส.ขันทอง 2. น.ส.พูเงิน และ 3. น.ส.มาด ถูกแจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ โดยจับกุมได้ที่ ร้านคาราโอเกะ แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กก.1 บก.ปคม. ร่วมกับ สน.หนองจอก ได้วางแผนเข้าจับกุม ร้านคาราโอเกะ ถ.ประชาราษฎร์ แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพฯ หลังสืบทราบว่าร้านดังกล่าวให้บริการจำหน่ายอาหารเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งให้บริการนวดแผนโบราณ แต่กลับแอบแฝงการค้าประเวณีภายในร้านทั้งหญิงไทยและหญิงซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว เจ้าหน้าที่จึงปฏิบัติการอำพราง ล่อซื้อจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย โดยเข้าไปตรวจสอบ พบมีพนักงานสาวในร้านปรนนิบัตินั่งดื่มกินกับลูกค้า และเสนอขายบริการทางเพศ เมื่อตกลงและจ่ายเงินค่าซื้อบริการทางเพศ พนักงานหญิงจะพาขึ้นไปบริเวณห้องชั้นบนของร้าน และได้เตรียมถุงยางอนามัยเพื่อใช้ในการร่วมประเวณี เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุม
  
จากการเข้าตรวจค้นภายในร้านพบเป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหา บริเวณด้านล่าง มีโต๊ะให้บริการสำหรับให้ลูกค้านั่งดื่มกิน ส่วนบริเวณชั้น 2-3 มีการดัดแปลงซอยห้องกว่า 10 ห้อง มีฟูกปูนอนกับพื้น เพื่อใช้ในการนวดแฝงค้าประเวณี และยังตรวจพบถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่นภายในร้าน มีห้องน้ำใช้ร่วมกัน ไม่มีการเก็บขยะสิ่งปฏิกูลที่เป็นสัดส่วน ระบบระบายอากาศมีความแออัด ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่มีสภาพไม่ถูกสุขลักษณะพื้นฐานในการที่จะประกอบเป็นกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา หรือ นวดแผนไทย และสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคต่าง ๆ สำหรับผู้ที่มาเข้าใช้บริการ 

ส่วนพนักงานหญิงที่ให้บริการอยู่ภายในร้าน พบเป็นพนักงานหญิงชาวไทยและหญิงต่างด้าวทั้งหมด 6 คน แบ่งเป็นเป็นชาวไทย 3 คน และบุคคลต่างด้าวชาว สปป.ลาว 3 คน มีนางรัศมี เป็นเจ้าของร้านและผู้ดูแลกิจการร้านดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นบริเวณเคาน์เตอร์คิดเงิน พบธนบัตรที่มีการลงประจำประวันล่อซื้ออยู่กับตัว โดยนางรัศมี รับสารภาพว่าเป็นเงินค่าบริการที่ร้านให้บริการพนักงานหญิงสำหรับขึ้นไปขายบริการทางเพศ

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพ  และจากการนำพนักงานหญิงบริการทั้งหมด เข้าสู่กระบวนการคัดกรองช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (NRM) ว่า มีการขู่บังคับ หรือ กระทำการอื่นใดแก่พนักงานหญิงบริการภายในร้านที่เข้าข่ายเป็นเหยื่อค้ามนุษย์หรือไม่ ซึ่งไม่พบว่าเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์แต่อย่างใด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง