ห้องข่าวภาคเที่ยง - ตามกันต่อที่เชียงใหม่ เมื่อวานนี้ที่มีคดีวิ่งราวทองกลางห้างดัง ไป ๆ มา ๆ มีคดีฆาตกรรมด้วย เพราะคนร้ายฆ่าไรเดอร์ชิงรถเก๋งไปก่อเหตุ ล่าสุด แม่ผู้ต้องหาเปิดใจกับสื่อ ฯ แล้ว
คดีนี้เริ่มจากเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) เวลา 11.30 น. เกิดเหตุคนร้ายเข้าวิ่งราวทรัพย์ร้านทองในห้างสรรพสินค้ากลางเมืองเชียงใหม่ ได้ทองรูปพรรณไป 80 บาท ก่อนที่ตำรวจจะตามจับกุมได้ตอนช่วงเย็น ขณะตระเวนขายทองในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด และอำเภอสันกำแพง แล้วพบว่าคนร้ายได้ฆ่าไรเดอร์แล้วชิงรถเก๋งไปก่อเหตุ
โดยพฤติการณ์ของ นายนิพิฐพนธ์ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาคือออกจากบ้านในอำเภอดอยสะเก็ด เวลา 07.00 น. จากนั้นนำรถเก๋งไปจอดบริเวณอ่างเก็บน้ำกาแล ด้านหลังสวนสัตว์เชียงใหม่ ก่อนจะเดินตามเส้นทางธรรมชาติ ระยะทาง 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที ไปที่วัดผาลาด ก่อนจะเรียกไรเดอร์มารับ พอขึ้นรถเสร็จก็ยิงไรเดอร์ทันที ก่อนนำศพไปทิ้งในป่า แล้วนำรถของผู้ตายไปก่อเหตุ และกลับมาจอดที่จุดเดิม ก่อนเดินลงไปขับรถของตัวเองหลบหนี เอาทองไปซ่อนที่บ้าน และนำทองบางส่วนไปขาย โดยตำรวจตามยึดคืนได้ประมาณ 70 บาท
โดยสิ่งที่ทำให้ตำรวจตามจับคนร้ายได้คือ คนร้ายเอาทองไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง แต่เจ้าของร้านไม่รับซื้อ เพราะทราบข่าววิ่งราวทอง พอคนร้ายออกจากร้านไปจึงรีบแจ้งตำรวจทันที
ล่าสุดที่ สภ.แม่ปิง อำเภอเมืองเชียงใหม่ แม่ของผู้ต้องหาได้เข้าไปเยี่ยมลูกชายขณะถูกคุมขัง โดยแม่ได้เอาข้าวเหนียวไก่ทอดมาให้ผู้ต้องหา จากนั้นได้เปิดใจกับสื่อมวลชนว่าไม่ทราบมาก่อนว่าลูกจะก่อเหตุ ปกติลูกชายเป็นคนไม่สุงสิงกับใคร ไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง ทุกวันนี้คุณแม่จ้างเดือนละ 20,000 บาท ขับรถพาคุณแม่ไปทำธุระ คาดว่าสาเหตุมาจากที่ครอบครัวเคยถูกโกงจากการเทรดทองคำ เมื่อ 4 ปีก่อน เสียหายหลายล้านบาท ลูกชายอาจอยากช่วยหาเงินมาให้ครอบครัว ยืนยันให้ลูกถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนด้านคดีวันนี้ ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะเข้ามาประชุมคณะทำงานในคดีนี้ และสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม ส่วนเรื่องการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ต้องรอสอบถามผู้ต้องหาว่าสมัครใจหรือไม่ ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนคดี และอาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลต่อไป ส่วนศพของไรเดอร์ขณะนี้อยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ รอญาติมาติดต่อขอรับศพไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป
นายแพทย์ วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า อย่าโทษเกมเพียงอย่างเดียว จริงอยู่ เกมเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ก่อเหตุได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
โดยการเล่นเกม อาจเป็นแค่วิธีการที่เรียนรู้ขึ้นมา จนเกิดการซึมซับพฤติกรรมความรุนแรง แต่ทั้งนี้ยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ร่วมขับเคลื่อนในพฤติกรรมอยู่ด้วย เช่น การใช้สารเสพติดจนหลอน รวมถึงอาการป่วยจิตเวช ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของแต่ละคน พอรวม ๆ กันแล้ว จึงกลายเป็นเหตุขึ้นมา
ดังนั้น หากคนเราเล่นเกม แล้วอย่าออกมาก่อเหตุตามเกมเลย คงเป็นไปได้ยาก ถ้าสภาพจิตใจอยู่ในภาวะปกติ
