แม่กอดกรอบรูปลูกสาว ร่ำไห้ วิงวอนพลเมืองดี ที่พบเห็นหรือมีหลักฐานจากกล้องหน้ารถ

แม่กอดกรอบรูปลูกสาว ร่ำไห้ วิงวอนพลเมืองดี ที่พบเห็นหรือมีหลักฐานจากกล้องหน้ารถ

View icon 88
วันที่ 9 ก.ค. 2567 | 14.09 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
แม่กอดกรอบรูปลูกสาว ร่ำไห้ วิงวอนพลเมืองดี ที่พบเห็นหรือมีหลักฐานจากกล้องหน้ารถ มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับคู่กรณี เพราะเชื่อว่า ลูกสาวตาย เพราะท่อพีวีซี หลุดลงมาจากรถกระบะ แล้วไปกระแทกร่างลูกสาว ขณะขี่รถจักรยานยนต์ จนเสียหลักล้มหัวกระแทกพื้นตายคาที่

9 ก.ค. 67 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กราายหนึ่ง ได้โพสต์ในกลุ่มที่นี่ขอนแก่นร้องเรียนแจ้งข่าว ว่า “ท่านใดที่มีกล้องหน้ารถบันทึกเหตุการณ์ท่อปลิวจากรถกระบะมาทับคนขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังมาเสียชีวิต วันที่ 18/6/67 เวลาประมาณ 13.00 น. เหตุเกิดแถวๆร้านเตียฮั้วหยู ไปทางท่าพระ จะรบกวนขอหน่อยค่ะ เพราะเวลาผ่านมาหลายวันแล้ว ตำรวจก็ยังสรุปสำนวนคดีไม่ได้สักที

นางใส อายุ 41 ปี ชาวบ้านหนองเหล็ก ต.หนองเหล็ก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม กอดกรอบรูปลูกสาวเอาไว้ พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ตนเองทำงานในกรุงเทพฯ ส่วนลูกสาวกับลูกเขยทำงานในเมืองขอนแก่น และทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 1 คนเป็นชายอายุ 3 ขวบ ช่วงเย็นวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ได้รับโทรศัพท์จากลูกเขยว่า ลูกสาวเสียชีวิต จึงรีบเดินทางกลับมา และได้พบกับคู่กรณี คือ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขับรถยนต์กระบะ บรรทุกท่อพีวีซี เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40 เซนติเมตร จึงได้มีการพูดคุยกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน ร.ต.อ.สิงหา หงส์อ่อน สว.สอบสวนสภ.ย่อยเมืองเก่า

จากการพูดคุยกันในครั้งแรก นายเอ ยอมรับว่า ขับรถกระบะบรรทุกท่อพีวีซีมาจริง แต่ไม่ทราบว่า ท่อหลุด ตกลงไปที่ถนน และไม่เห็นว่าท่อชนหรือกระแทกร่างของน้องสิริรัตน์ แต่อย่างใด เพราะเมื่อรู้ตัวว่าท่อหลุดออกจากท้ายรถ จอดรถลงมาดู ก็เห็นร่างร้องนอนคว่ำหน้าอยู่ริมถนนแล้ว และขอช่วยค่าทำศพ 15,000 บาท เมื่องานศพเสร็จเรียบร้อยค่อยมาคุยกันอีก

ต่อมา ตนเองทราบรายละเอียดจากลูกเขยว่า ในวันเกิดเหตุ ลูกสาวซื้ออาหารจากในเมือง เพื่อกลับบ้านไปทำกับข้าวกินกับลูก  แต่ลูกเขยยังติดงาน จึงกลับพร้อมกันไม่ได้ เลิกงานลูกเขยจะตามกลับไป ลูกสาวจึงขับขี่รถจักรยานยนต์เดินทางกลับไปหาลูกเพียงคนเดียว กระทั่งมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต  ซึ่งการคุยกับคู่กรณีนั้นเหมือนจะง่ายและเข้าใจกัน  จึงรับศพลูกสาว กลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้าน แต่เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2567 ที่ผ่านมา มีการพูดคุยกันอีกครั้ง นายเอ เดินทางมากับญาติที่เป็นตำรวจแล้วพูดไม่เหมือนเดิม  โดยบอกว่า เห็นร่างลูกสาวนอนคว่ำหน้าที่ริมถนน จึงจอดรถดูและเข้าไปช่วยเหลือ แต่คนเจ็บเสียชีวิตแล้ว

โดยก่อนจะถึงวันที่คู่กรณีมาเจรจากันนั้น ทางครอบครัว ได้พบกับพยานที่พบเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุ 2 คน โดยพยานได้เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ซึ่งพยานทั้งสองคนให้การว่า ในช่วงวันเวลาเกิดเหตุ ได้ขับขี่รถเก๋ง มุ่งหน้าไปทางท่าพระ  มีรถยนต์กระบะ บรรทุกท่อพีวีซียาวจำนวน 4 ท่อน ขับอยู่ข้างหน้า ส่วนรถเก๋งขับตีคู่กับรถจักรยานยนต์ของลูกสาว พอถึงจุดเกิดเหตุ ปรากฏว่าเชือกที่รัดท่อพีวีซีขาด ท่อทั้ง 4 ท่อน หลุดปลิวออกมาจากท้ายกระบะ โดยสองท่อนหลุดไปทางฝั่งขวา อีก 2 ท่อนหลุดมาทางฝั่งซ้าย แต่ไม่เห็นตอนท่อพีวีซีกระแทกร่างลูกสาว และรีบขับรถบีบแตรแจ้งคนขับรถยนต์กระบะ เพื่อแจ้งว่าท่อพีวีซีหลุด กว่าคนขับรถกระบะจะจอดรถได้ก็ห่างจากจุดเกิดเหตุหลายเมตร ซึ่งตอนนี้สงสารหลานชายวัย 3 ขวบมาก ร้องไห้ คิดถึงแม่ทุกวัน เพราะหลานยังไม่รู้ว่าแม่จากไปแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง