เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อมีทรัพย์สินมาก ความวุ่นวายก็มีตามมาเป็นของคู่กัน อย่างคดีนี้ ภรรยาและลูกชายไปร้องขอความเป็นธรรม อ้างว่าสามีถูกพี่สาวกักขังไม่ให้เจอครอบครัว เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องมรดกที่ดินมูลค่า 100 ล้านบาท แต่อีกฝ่ายเองก็ปฏิเสธว่าความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น
ภาพเหตุการณ์ขณะที่ภรรยาและลูกไปเคาะประตูบ้านพี่สาวของนายวิศิษฐ์ เพื่อจะขอพบ หลังถูกพาตัวไปขังอยู่บ้านแห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมระหว่างภรรยาและลูก ๆ ตอนที่ไม่อยู่บ้าน คาดสาเหตุที่ทำเพราะเรื่องทรัพย์สินมรดกกว่า 100 ล้านบาทที่ยังคุยกันไม่ลงตัว ก่อนจะมีลูกจ้างมารีบปิดประตูแล้วใช้เชือกล็อกประตูอย่างแน่นหนา บอกเจ้าของบ้านไม่ให้พบ จนภรรยาและลูกร้อนใจ เพราะ นายวิศิษฐ์ ป่วย ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร
จากนั้นก็ได้พากันมาร้องขอความช่วยเหลือกับเพจฯ สายไหมต้องรอด โดยบอกว่า "ป้าหยก" พี่สาวของนายวิศิษฐ์ มาพาตัวไปจากบ้านที่ย่านจรัญสนิทวงศ์ ไปอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ทั้งที่มีอาการป่วย เครียด ความดัน โดยเพื่อนบ้านเห็นมีการฉุดกระชากลากถูกสามีเหมือนโดนบีบบังคับให้ไป และเพื่อนบ้านก็บอกสามีอยากอยู่กับครอบครัวไม่อยากไป รู้สึกเป็นห่วงมากขณะนี้ยังติดต่อไม่ได้ เพราะสามีไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย
ส่วนเหตุที่เชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมรดกที่ดินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เพราะป้าหยกเคยพยายามให้นายวิศิษฐ์ ถอนตัวจากกองมรดกของพี่คนโต และยังพยายามพูดจาให้พี่น้องแตกแยกกัน
ขณะที่ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายวิศิษฐ์ บอกว่า พี่สาวอยากให้ไปอยู่ด้วย เพราะดูแลดีกว่าครอบครัวตนเอง และก็ยอมรับว่าพี่สาวดูแลตนเองดีกว่าจริง ๆ เพราะได้พาไปทำกายภาพ ออกกำลังกายด้วยโยคะ จนร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่าแต่ก่อน ยกแขน และเดินได้ ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าคิดถึงภรรยาและลูก แต่ก็ยังไม่พร้อมกลับไปอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังยอมรับว่าที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องมรดกกันจริง และระหว่างที่อยู่กับพี่สาวก็ได้เซ็นเอกสารบางอย่างเกี่ยวกับมรดกไป
ด้าน นางสาวิตรี หรือ ป้าหยก ก็ให้สัมภาษณ์เช่นกัน บอกว่า ที่พาน้องชายมาอยู่ด้วย เพราะตอนไปเยี่ยมเห็นว่าป่วย อาการไม่สู้ดี อาหารการกินก็ไม่ครบโภชนาการ แถมตามร่างกายยังมีแผลคล้ายเล็บข่วน เชื่อว่าถูกครอบครัวทำร้ายมาตลอด ส่วนเรื่องปมมรดกก็ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง แต่ตรงกันข้าม เป็นภรรยาของน้องชายที่หวังจะฮุบสมบัติ และตนก็ไม่เคยบังคับให้น้องเซ็นเอกสารใด ๆ มรดกทั้งหมดก็ยังไม่ได้มีการจัดการ หนังสือรับรองแต่งตั้งผู้จัดการมรดกก็ยังเป็นทายาททั้งหมดร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกอยู่