คอลัมน์หมายเลข 7 : กรณีศึกษา ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ถูกกล่าวหาเปิดมูลนิธิบังหน้า?

View icon 66
วันที่ 13 ก.ค. 2567 | 16.23 น.
เจาะประเด็นข่าว 7HD
แชร์
เจาะประเด็นข่าว 7HD - แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนกับเรื่องราวของ "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" ซึ่งถูกกล่าวหาว่าซื้อขายใบปริญญาบัตรและตำแหน่งทางการเมือง จนนำไปสู่การสาวไส้มูลนิธิเป็นหนึ่งว่าอาจเปิดบังหน้า เพื่อหาผลประโยชน์หรือไม่ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาเพื่อหาวิธีป้องกันในอนาคต ติดตามได้ในคอลัมน์หมายเลข 7 วันนี้

"ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" หรือ นางสาวชลิดา พะละมาตย์ ประธานกรรมการมูลนิธิเป็นหนึ่ง ถูกกล่าวหาว่าซื้อขายตำแหน่งทางการเมืองและใบปริญญาบัตร โดยใช้มูลนิธิเป็นฉากบังหน้า หาผลประโยชน์ ไม่มีใครตอบได้ว่า เรื่องที่เธอถูกกล่าวหานั้น จริงหรือเท็จ และมีส่วนเชื่อมโยงกับมูลนิธิเป็นหนึ่งหรือไม่ แต่มูลนิธิเป็นหนึ่ง ก็แถลงการณ์ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

มูลนิธิเป็นหนึ่งที่มี "ต้นอ้อ" เป็นประธานกรรมการนั้น จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ด้วยทุนเริ่มแรก 200,000 บาท

คอลัมน์หมายเลข 7 ตรวจสอบพบว่า ทุนก้อนนี้ ไม่ใช่เงินของ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง แต่เป็นเงินของบุคคลที่ 1 และ 2 ที่ลงขันคนละ 100,000 บาท เพื่อให้จัดตั้งมูลนิธิ ก่อนที่ทั้ง 2 คน จะโบกมือลาเมื่อไม่นานมานี้

"ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" เป็นสาวสวย เคยอยู่ในวงการสื่อสารมวลชน ดีกรีผู้ประกาศข่าว Asia Update News และยังเคยสังกัดสื่อหัวใหญ่อย่าง บางกอกทูเดย์ ก่อนจะเปิดเพจ "อีอ้อปากจัด"

ชื่อของ "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" ติดลมบน ชนิดที่ว่า ใครก็หวังพึ่งใบบุญ แต่แล้วกลับถูกขุดคุ้ยพฤติกรรมซื้อขายตำแหน่งทางการเมืองและใปริญญาบัตร ซึ่งรอวันพิสูจน์ความจริง

นอกจากนี้ เธอถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงเอกสารจัดตั้งมูลนิธิ ซึ่งซ้อลักษณ์เข้าแจ้งความแล้ว และถูกกล่าวหาให้บุคคลใกล้ชิดหารายได้ โดยรับปากจะมีส่วนแบ่งให้ ทั้งที่ตามข้อบังคับจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ ข้อ 2.8 ระบุ มูลนิธิต้องไม่หาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน

ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ ประธานกรรมการมูลนิธิต่อต้านการทุจริต เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพบมูลนิธิหรือสมาคมหลายแห่งทุจริตจริง เพราะขาดความเข้มงวดในการบริหารจัดการ จนมีการนำมูลนิธิไปหากิน ดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลอย่างกระทรวงมหาดไทย จึงต้องตรวจสอบเข้มงวด

ตามกฎหมาย มูลนิธิที่ได้รับการจดทะเบียน จะมีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยมิได้มุ่งหาประโยชน์มาแบ่งปันกัน หรือเพื่อบุคคลใด

โดยรายได้ของมูลนิธิที่มาจากค่าลงทะเบียน หรือค่าบำรุง หรือเงิน หรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการบริจาค หรือจากการให้โดยเสน่หา ไม่ต้องเสียภาษี

กฎหมายเปิดช่องเช่นนี้ นั่นจึงอาจทำให้บางมูลนิธิมีนักบุญในคราบซาตาน เปิดบังหน้าเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัว การจะปิดช่องโหว่นี้ได้ ฝ่ายกำกับดูแลอย่างกระทรวงมหาดไทย จึงต้องขยับตัวตรวจสอบเข้มงวด

ส่วนกรณี "ต้นอ้อ" ประธานกรรมการมูลนิธิเป็นหนึ่ง ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์