แอบอ้างเบื้องสูงหลอกลงทุนรถไฟฟ้าภูเก็ต

View icon 2.8K
วันที่ 16 ก.ค. 2567 | 16.26 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจากเมื่อวานนี้ ข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่อง 7HD เปิดประเด็นคนกลุ่มหนึ่ง แอบอ้างเบื้องสูง หลอกให้ร่วมลงทุนโครงการสร้างรถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ต วันนี้ มีผู้เสียหายอีก 1 คน ร้องเรียนเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งนอกจากจะถูกหลอกเงินไปจนหมดตัว ยังให้นำทรัพย์สินของมีค่าที่มีอยู่ไปจำนำด้วย

นางสาวเอ อายุ 25 ปี ติดต่อเข้ามายังรายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ว่าเป็นคนหนึ่ง ที่ถูกนางสาววงศ์เดือน หลอกให้ร่วมลงทุนในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ต จนเสียเงินและทรัพย์สินต่างๆ รวม 4 ล้านบาท

เธอเล่าจุดเริ่มต้นว่า รู้จักลูกชายของนางสาววงศ์เดือน ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่เทรดสกุลเงินดิจิทัลด้วยกัน ต่อมาตัวลูกชาย ได้แนะนำให้รู้จักแม่คือนางสาววงศ์เดือน โดยบอกว่าแม่กำลังทำโครงการรถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ต พร้อมกับนัดหมายให้เจอกัน เมื่อได้เจอ นางสาววงศ์เดือน เริ่มจากการยืมเงินก่อน 200,000 บาท จะให้ดอกเบี้ย 100,000 บาท ซึ่งก็ได้มาจริงภายใน 1 เดือน

จากนั้น นางสาววงศ์เดือน อ้างว่า กำลังทำโครงการรถไฟฟ้าภูเก็ต โดยมีคนใกล้ชิดเบื้องสูงร่วมในโครงการนี้ ซึ่งถ้าร่วมลงทุนจะได้ค่าตอบแทนสูง เธอหลงเชื่อจึงหาเงินมาร่วมลงทุน ช่วงเดือนธันวาคม 66 โอนเงินไปให้ 50 ครั้ง เป็นเงิน 4 ล้านบาท มีทั้งเงินที่ขอมาจากพ่อแม่ เงินที่นำของมีค่าไปจำนำ เงินที่กู้ยืมเพื่อนมา และนางสาววงศ์เดือน ยังมาเอารถเบนซ์ของเธอมูลค่า 5 ล้านกว่าบาทไปจำนำด้วย ซึ่งตอนนี้รถก็หายไปเลย

นางสาวเอ บอกว่า ตอนนั้น นางสาววงศ์เดือน อ้างว่าจะได้ค่าตอบแทนกลับมา 50 ล้านบาท จากเงินที่ลงทุนไป 5 ล้าน ภายในวันที่ 28 ธันวาคม 66 แต่พอถึงวันนัดหมาย ก็ผลัดวันประกันพรุ่ง อ้างสาเหตุต่าง ๆ นา ๆ จนเมื่อเธอเริ่มไปสืบค้นว่าแอบอ้างเบื้องสูงมาหลอก จึงไปแจ้งความ นางสาววงศ์เดือน ก็พูดทำนองว่า การทวงเงินบ่อย ๆ และไปสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ ทำให้คนใกล้ชิดเบื้องสูงไม่พอใจ ซึ่งมีผลให้ไม่ได้เงินคืน

"พี่ฟ้า" ที่คุณเอให้สัมภาษณ์ถึง ก็คือนางสิริยาภรณ์ ลาภประเสริฐ หรือฟ้า ซึ่งถูกชักชวนให้ลงทุน สูญเงินไปถึง 40 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ เป็นเงินของเธอ 30 ล้านบาท อีก 10 ล้านบาท เป็นเงินที่เพื่อน ๆ ลงขันมาลงทุนด้วย

นางสิริยาภรณ์ เล่าว่า รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อนางนิติรัตน์ ก่อน ต่อมานางนิติรัตน์แนะนำให้รู้จักกับนางสาววงศ์เดือน และสามี โดยถูกหลอกเรื่องโครงการรถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ต เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 66 ซึ่งนางสาววงศ์เดือน อ้างว่า คนใกล้ชิดเบื้องสูงลงมาทำโครงการนี้ด้วย จึงหลงเชื่อ ร่วมลงทุน และนำทรัพย์สินที่มีอยู่ไปจำนำเพื่อนำเงินไปร่วมลงทุนด้วย เช่น จำนำนาฬิกา 8 เรือน นำทองแท่งหนัก 180 บาท ไปจำนำ และนำที่ดิน 200 ตารางวา ไปจำนอง ได้เงินมาก็โอนให้นางสาววงศ์เดือนนำไปลงทุนทั้งหมด

นางสิริยาภรณ์ บอกว่า นางสาววงศ์เดือน แอบอ้างเบื้องสูงเหมือนเดิม และยังเดินทางลงพื้นที่ภูเก็ตจริงหลายครั้งว่า ไปเคลียร์เรื่องการเวนคืนที่ดิน ยิ่งทำให้เชื่อ โดยอ้างว่าเงินที่ลงทุน 40 ล้านบาท จะผลตอบแทนคืนกลับมา 355 ล้านบาท แต่ก็ไม่ได้คืน เคยจ่ายเช็คมา 2 ฉบับ 11 ล้าน แต่เป็นเช็คเด้ง

จริง ๆ ในส่วนของนางสิริยาภรณ์ หลังจากรู้จักนางสาววงศ์เดือน ถูกชักชวนลงทุนมาก่อนแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งเธอบอกว่า เพราะเงินที่ลงทุนเดิมยังไม่ได้คืน จึงทำให้หลงเชื่อ ลงทุนในเรื่องที่ถูกชักชวนใหม่ ๆ เพราะหวังจะได้เงินทั้งหมดคืน โดยครั้งแรกที่ร่วมลงทุนคือปลายปี 65 นางสาววงศ์เดือน อ้างว่าลงทุนในธุรกิจห้องชุดที่ติดอยู่ในกระบวนการศาล ซึ่งลงทุนไป 10.8 ล้านบาท หลอกว่าจะได้ผลตอบแทนรวมทุน 70 ล้านบาท หรือได้ผลตอบแทน 555 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังไม่เคยได้ผลตอบแทนดังกล่าว รวมทั้งเงินทุนคืน

ส่วนครั้งที่ 2 คือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 66 นางสาววงศ์เดือน อ้างว่า เบื้องสูงกำลังเข้าไปร่วมโครงการรถไฟไทย-ลาว โดยหากร่วมลงทุนเงิน 200,000 บาท จะได้เงินคืน 2,000 ล้านบาท ครั้งนั้น ลุงทุนไป 7.8 ล้าน แต่ก็เหมือนเดิม คือไม่ได้เงินคืน ถ้ารวมเงินทั้งหมดที่นางสิริยาภรณ์ เสียไปทั้งหมดที่ลงทุนใน 3 เรื่อง คือ 58 กว่าล้านบาท นางสิริยาภรณ์ บอกด้วยว่า เท่าที่รู้ มีผู้เสียหาย 10 กว่าคน หลายคนรู้ว่าถูกหลอก แต่หลายคนก็ยังเชื่ออยู่ และต่อว่าคนที่ออกมาแจ้งความ ร้องเรียนสื่อว่า จะทำให้พวกเขาไม่ได้เงินคืน

เพื่อความเป็นธรรมกับฝ่ายที่ถูกกล่าวหา ทีมข่าวเย็นประเด็นร้อน เดินทางไปที่บ้านพักของนางสาววงศ์เดือน ในกรุงเทพฯ เพื่อขอสัมภาษณ์ข้อเท็จจริง ไปเรียกอยู่นาน ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาดู จึงถามว่าใช่คุณวงศ์เดือนหรือไม่ และถามเรื่องการลงทุนรถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ต แต่ไม่ได้คำตอบอะไรมาก บอกเพียงว่า "รอให้ผู้ใหญ่เขาว่ากัน"

ตอนที่ทีมข่าวไปถึงหน้าบ้าน ทั้งเรียก และโทรศัพท์หานางสาววงศ์เดือน แต่ไม่รับสาย จนกระทั่งเธอโทร.กลับมา ทีมข่าวก็ขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ แต่เธอบอกว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ และตอนนี้ไม่อยู่ในกรุงเทพฯ ไปงานต่างจังหวัด ส่วนที่มีคนให้ข่าว เป็นการให้ข่าวบิดเบือน กำลังให้ทนายความเก็บข้อมูลเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง