ล้อมจับชายชิงทองแม่ค้าส้มตำ

View icon 839
วันที่ 19 ก.ค. 2567 | 11.13 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ตำรวจปิดล้อมจับ "แม็ก" โจรชิงทองแม่ค้าส้มตำน้ำหนัก 3 บาท ที่นครปฐมแล้วหนีไปกบดาน จังหวัดสมุทรสาคร ผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืน ตำรวจจึงใช้ยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก เกลี้ยกล่อม โยนระเบิดควันใส่ห้อง ก่อนจะคุมตัวได้หลังปีนฝ้าเพดานหลบหนีไปห้องข้างเคียง

ความคืบหน้ากรณี นายนิธิรัตน์ หรือ แม็ก อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ผู้ต้องหาคดีชิงทอง แม่ค้าส้มตำ ที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น, ชิงทรัพย์ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน,และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน

เมื่อคืนราว ๆ 20.00 น. ตำรวจสนธิกำลังปฏิบัติการปิดล้อม หอพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 13 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร หลังนายแม็ก ได้หลบหนีมากบดานอยู่ภายในห้องเช่ากับแฟนสาว แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมมอบตัวยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องพัก พยายามขัดขืน ด้วยการขึ้นลำกล้องปืน โดยกำลังตำรวจปิดล้อมอยู่ด้านหน้า ไม่กล้าที่จะบุกเข้าไปชาร์จตัวเกรงว่า จะเกิดการปะทะกันทำให้ได้รับอันตราย

ตำรวจจึงต้องยุทธวิธีมาตรการจากเบาไปหาหนัก ให้ญาติสนิท ทั้งพี่สาว ภรรยา และลูกชาย รวมถึงนายกเทศมนตรีนครอ้อมน้อย ซึ่งนายแม็กให้ความนับถือ พูดจาเกลี้ยกล่อมให้ยอมวางอาวุธปืนแล้วออกมามอบตัว พร้อมช่วยเหลือทางคดี

ผ่านไปนานกว่า 2 ชั่วโมง นายแม็กก็ยังนิ่งเงียบ ปิดไฟ เปิดประตูห้องทิ้งไว้ ไม่ยอมออกมา ตำรวจจึงใช้วิธีส่งโดรนบินเข้าไป ไม่พบตัว ก่อนจะโยนระเบิดควัน แล้วบุกเข้าชาร์จด้านหน้าและเข้าทางฝ้าเพดาน เจอตัวและยอมมอบตัวแต่โดยดี ไม่มีการสูญเสียใด ๆ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง

เช้าวันนี้ นายแม็ก ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.กระทุ่มแบน เพื่อดำเนินคดีในข้อหา ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ตามขั้นตอนก่อน หลังจากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว จะไปอายัดตัวกลับมาดำเนินคดี ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น, ชิงทรัพย์ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน ตามหมายศาลจังหวัดนครปฐม

ขณะที่นางสาวดวงดี อายุ 46 ปี เจ้าของร้านขายส้มตำ บอกว่า หลังจากตำรวจได้จับกุมคนร้ายได้แล้ว ตนเองรู้สึกสบายใจได้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งยังกังวลใจ และเนื่องจากยังไม่ทราบว่าคนร้ายจะได้ประกันตัวหรือไม่ แต่ถ้าหากคนร้ายได้ประกันตัว ก็ยังกังวลใจเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัย สำหรับตนเอง และครอบครัว ตนขอค้านประกัน เนื่องจากคนร้ายจงใจใช้อาวุธปืนก่อเหตุอุกฉกรรจ์ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

พลตำรวจตรี ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เคยพูดถึงการใช้ดุลยพินิจในการสยบคนที่มีอาการคลุ้มคลั่ง ว่าการพิจารณาเข้าระงับเหตุ ต้องประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน

เริ่มจากดูว่า คนที่มีอาการคลุ้มคลั่งมีอาวุธใดอยู่ในมือ, ตัวประกันปลอดภัยมากน้อยเพียงใด, ยังสามารถเจรจากับผู้ก่อเหตุได้หรือไม่, สถานที่ปิดล้อมจับกุมมีลักษณะอย่างไร เพื่อประเมินความยากง่ายในการใช้ยุทธวิธี เมื่อประเมินสถานการณ์แล้ว จะเริ่มกันคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ เน้นการสื่อสารเจรจากับผู้ที่มีอาการคลุ้มคลั่งเป็นหลัก เพราะหลายครั้งที่บุคคลนั้นมีอาการป่วยจิตเวช แต่สามารถพูดคุยจนอีกฝ่ายยอมให้เข้าควบคุมตัวได้ ส่วนเงื่อนเวลาในการเพิ่มระดับความเข้มทางยุทธวิธี ไม่มีกำหนดตายตัว เพราะแต่ละสถานการณ์ไม่เหมือนกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง