เวลา 09.45 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังสวนศาลาหกเหลี่ยม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขตจตุจักร ทรงปลูกต้นไม้เนื่องในเทศกาลวันเข้าพรรษา ปี 2567 ร่วมกับคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นิสิตเก่า และนิสิตคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำนวน 5 ต้น เป็นกล้าไม้ต้นนนทรีที่เกิดจากการเพาะเมล็ด จากต้นนนทรีทรงปลูกทั้ง 9 ต้น ที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงปลูก ไว้เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2506
จากนั้น ทอดพระเนตร นิทรรศการวิชาการด้านต่าง ๆ ภายในงาน 4 เรื่อง ได้แก่ ตามรอยพ่อสานต่อนนทรีทรงปลูก แสดงภาพประวัติศาสตร์ และพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ภายหลังจากทรงปลูกต้นนนทรีจำนวน 9 ต้น ที่หน้าหอประชุมใหญ่, โครงการพัฒนาสวนพฤกษศาสตร์กำแพงแสน พื้นที่ 133 ไร่ เพื่อเป็นอุทยานการเรียนรู้ในพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย เป็นแหล่งเรียนรู้พรรณไม้ในระดับประเทศและภูมิภาคอาเซียน พัฒนาพื้นที่สีเขียว ตลอดจนสนับสนุนความเป็นกลางทางคาร์บอนให้กับประเทศไทย, โครงการจัดตั้งสถานีวิจัยนานาชาติปากซอง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างศูนย์สิรินธรเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มูลนิธิชัยพัฒนา และมหาวิทยาลัยจำปาสัก ร่วมกันพัฒนาศูนย์ศึกษาเพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงเมืองปากซอง มาตั้งแต่ปี 2548 ตามแนวพระราชดำริ เพื่อวางแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างเหมาะสม และพัฒนาการปลูกพืชเมืองหนาวและผักเมืองหนาว ที่มีราคาสูง เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยจำปาสัก และประชาชนรอบพื้นที่ และเป็นการขยายกรอบความร่วมมืออย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ขณะนี้ได้พัฒนา เป็นสถานีวิจัยนานาชาติปากซอง เพื่อพัฒนาทางการเรียนการสอน ระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยจำปาสัก ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ ฝึกงานของนักศึกษา ทั้งเป็นสถานีวิจัยในต่างประเทศแห่งแรกของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สร้างแรงจูงใจและพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัย ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมส่งเสริมสนับสนุนโครงการตามแนวพระราชดำริ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์อีกด้วย
โอกาสนี้ พระราชทานพระราชวโรกาส ให้ นายจงรัก วัชรินทร์รัตน์ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะผู้บริหาร เฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินรายได้ จากการร่วมออกร้านในงานกาชาด ประจำปี 2566 เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศล บำรุงสภากาชาดไทย
เวลา 14.34 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยัง ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทรงเปิดงานมหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์ อววน. เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ด้วยพลังสหวิทยาการ หรือ อว.แฟร์ ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนจัดขึ้น เป็นงานมหกรรมที่รวมสหวิทยาการทั้งด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม การศึกษาที่มีคุณภาพ ด้าน Soft Power ที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัย และหน่วยงานวิจัยมากกว่า 170 หน่วยงานของไทย และนานาชาติมาจัดแสดง
ในการนี้ ทอดพระเนตรนิทรรศการ การจัดแสดงหินดวงจันทร์จากยานอวกาศฉางเอ๋อ5 ที่นำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรก เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้ง นิทรรศการ 6 โซนหลัก ได้แก่ โซน SCIENCE FOR ALL WELL-BEING นำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามจากนวัตกรรมของคนไทย, โซน SCIENCE FOR FUTURE THAILAND นำเสนอขบวนรถไฟแห่งอนาคต ฉายภาพให้เห็นประเทศไทยในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า, โซน INSPIRED BY SCIENCE ที่จุดประกายความคิด สร้างจินตนาการและแรงบันดาลใจให้ทุกคน, โซน SCIENCE FOR LIFELONG LEARNING เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต พร้อมแนะแนวอาชีพแห่งอนาคต, โซน SCIENCE FOR EXPONENTIAL GROWTH แสดงศักยภาพของงานวิจัยและนวัตกรรมของคนไทย และโซน STARTUP LAUNCHPAD แสดงถึงศักยภาพในการผลักดัน Startup ไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ (Royal Pavilion)
ภายในงาน ยังมีนิทรรศการ การเฉลยข้อความ TCAS และการแนะแนวอาชีพในอนาคต, บูธแสดงผลงานจากผู้ประกอบการและstart-up มากกว่า 300 บูธ ซึ่งจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฐานงานวิจัยการันตีรางวัลจากหลายเวที เช่น อาหารนวัตกรรม, ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Functional Food), อาหารแห่งอนาคต (Future Food), เครื่องสำอาง และสินค้าที่พัฒนาจากวิทยาศาสตร์ งานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม และสินค้าด้าน Soft Power รวมถึงกิจกรรมสัมมนา เวิร์กช็อปต่าง ๆ พร้อมรับชมมินิคอนเสิร์ตจากหลากหลายศิลปินชื่อดัง โดยผู้ที่มาร่วมงานมีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลมากมาย นอกจากนี้ มีการแสดงโดรนแปรอักษรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ถึงวันที่ 28 กรกฏาคม 2567