มติท่วมท้นเลือก มงคล นั่งประธานวุฒิสภา

View icon 51
วันที่ 23 ก.ค. 2567 | 16.45 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - วันนี้ มีการเลือกตั้งประธานวุฒิสภา ซึ่งผลเป็นไปตามคาด มติท่วมท้น เลือก นายมงคล สุระสัจจะ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานวุฒิสภา

มติท่วมท้นเลือก มงคล นั่งประธานวุฒิสภา
ช่วงเช้าวันนี้ ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีการพิจารณาวาระเลือกตำแหน่งประธานวุฒิสภา หลังจากที่ประชุมเสนอชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา 3 คน ได้แก่ นายมงคล สุระสัจจะ, นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ และ นางสาวนันทนา นันทวโรภาส โดยเปิดให้บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อแสดงวิสัยทัศน์เป็นเวลา 5 นาที

นายแพทย์เปรมศักดิ์ ลุกขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์เป็นคนแรกว่า มุ่งมั่นอาสาดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาเพื่อแก้ไขภาพลักษณ์และสิ่งในด้านลบ สว.ต้องเป็นอิสระ เป็นกลาง ไม่ถูกครอบงำจากพรรคการเมือง

ขณะที่ นางสาวนันทนา แสดงวิสัยทัศน์ว่า ที่ผ่านมาวุฒิสภาไม่ยึดโยงกับประชาชน ภาพลักษณ์ของ สว.ยุคใหม่ ต้องทำให้วุฒิสภาเป็นของประชาชน สุดท้ายคือ นายมงคล ลุกขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ว่า ตนตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะอุทิศชีวิต ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตอบแทนคุณแผ่นดิน จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ขอเชิญทุกคนมาช่วยงานกัน เพื่อให้วุฒิสภาแห่งนี้เป็นสภาที่ประนอมอำนาจ เพื่อดับวิกฤตของสังคมไทย

จากนั้นที่ประชุมได้เปิดให้สมาชิกลงคะแนน ผลปรากฏว่า นายมงคล สุระสัจจะ ได้คะแนนสูงสุด 159 คะแนน ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาคนใหม่ ส่วน นางสาวนันทนา ได้ 19 คะแนน และ นายแพทย์เปรมศักดิ์ ได้ 13 คะแนน ถือว่า เป็นไปตามความคาดหมาย เพราะนายมงคลเป็นเต็ง สว. มาตั้งแต่แรก โดยนายมงคลเป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และอดีตอธิบดีกรมการปกครอง ถือว่าเป็นสายตรงบ้านใหญ่บุรีรัมย์ มีความสนิทสนมกับ นายเนวิน ชิดชอบ

กรพด ลั่นไม่เคยเข้าคุก เล็งฟ้องกลับ
ส่วนกรณีที่เพจอีซ้อขยี้ข่าว 3 โพสต์แฉว่า มี สว.กลุ่ม 18 สื่อสารมวลชน ถูกจำคุกและเพิ่งได้รับการปล่อยตัวเมื่อปี 2561 ถือว่าขาดคุณสมบัติการสมัคร สว. ตามลักษณะต้องห้าม 26 ข้อ ตามที่ กกต.กำหนด คือ ไม่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล และเคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 10 ปี นับถึงวันเลือกในระดับอำเภอ เว้นแต่ความผิดลหุโทษ

เรื่องนี้ สว.ที่ถูกกล่าวหา คือ ว่าที่ พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ สว.กลุ่ม 18 สื่อสารมวลชน บอกว่า ตนยินดีให้ตรวจสอบ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ตรวจสอบ หากมีความผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่ก่อนจะพิพากษาใคร ต้องดูผลของคำพิพากษาก่อนว่าเขาพิพากษาหรือยัง ขอย้ำว่า คดีของตนศาลยังไม่ได้พิพากษา เพียงอยู่ในชั้นอัยการส่งตัวฟ้อง และอยู่ระหว่างทำเรื่องขอประกันตัว ไม่เคยเข้าคุก

ขณะนี้ ได้ตั้งทีมทนายในการสืบสวนว่า คนไหนที่ส่งข่าวหรือปล่อยข่าวออกมาสร้างความเสียหายให้กับตน ก็ต้องดำเนินการ ส่วนเรื่องชี้แจง ไม่ต้องห่วง ตนเตรียมเอกสารที่จะชี้แจงไว้แล้ว และทราบอยู่แล้วว่าจะต้องโดนแบบนี้ บรรพบุรุษจะต้องโดนขุดมาตลอด และถ้าจะเล่นการเมืองก็ต้องทำใจ

ครม.เคาะตรึงค่าไฟถึงปลายปี-ดีเซลถึงต.ค.
ส่วนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (23 ก.ค.) มีมติเห็นชอบ มาตรการราคาพลังงาน 2 ด้านสำคัญ ประกอบด้วย 1. ตรึงค่าไฟคงเดิม สำหรับประชาชนที่ใช้ไฟเกิน 300 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป เรียกเก็บในอัตราคงเดิมที่ 4.18 บาทต่อหน่วย มีผลตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 ส่วนกลุ่มเปราะบางยังสามารถใช้ในราคา 3.99 บาทต่อหน่วย ต่อไป

นอกจากนี้ ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 31 ตุลาคม 2567 โดยใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแล จากปัจจุบันกำหนดไว้จะสิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคมนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง