ยายเครียดป่วยโรครุมเร้า จับหลาน 6 ขวบ แขวนคอคู่ แต่เชือกขาดยายหัวฟาดพื้นเจ็บสาหัส หลานดับสลด

ยายเครียดป่วยโรครุมเร้า จับหลาน 6 ขวบ แขวนคอคู่ แต่เชือกขาดยายหัวฟาดพื้นเจ็บสาหัส หลานดับสลด

View icon 181
วันที่ 24 ก.ค. 2567 | 07.48 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (24 ก.ค. 67) ร.ต.อ.ธีรยุทธ อังวะ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ลาดหญ้า รับแจ้งเหตุมีผู้ผูกคอตายเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เรียนโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา และเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์การ

ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ด้านหลังบ้าน พบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นเด็กหญิง อายุ 6 ปี นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนพื้น จากการตรวจสอบพบบาดแผลถูกรัดที่ลำคอขนาดใหญ่ และพบผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นหญิงสูงวัย มีร่องรอยถูกเชือกรัดที่ลำคอและมีบาดแผลแตกขนาดใหญ่ที่ศีรษะ เลือดไหลนองเต็มพื้น เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เพื่อให้แพทย์ทำการ รักษายื้อชีวิต อย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ยังพบร่องรอยของการใช้เชือกไนล่อนสีขาว และสายไฟสีดำ ผูกเข้ากับขื่อด้านหลังบ้าน คล้ายกับเป็นบ่วงสำหรับผูกคอตาย

สอบถามนายจำรูญ อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นสามีของหญิงสูงวัยที่ได้รับบาดเจ็บและเป็นตาของเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ที่เสียชีวิต เล่าว่า ผู้เสียชีวิตคือ น้องธิชา อายุ 6 ขวบ เป็นหลานสาวของตนและเป็นเด็กที่พิการทางสมองมาตั้งแต่เกิด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือนางหยิมฟ้า อายุ 58 ปี เป็นภรรยาของตนเองและเป็นยายของน้องธิชา

นายจำรูญ เล่าต่อว่า ตามปกติแล้ว ที่บ้านหลังนี้จะอาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน คือตนเอง นางหยิมฟ้า ภรรยาของตน ลูกสาวของตนซึ่งเป็นแม่ของน้องธิชา และน้องธิชา โดยเมื่อช่วงเช้าตนและลูกสาว ได้ออกไปทำงานตามปกติ มีเพียงนางหยิมฟ้า และน้องธิชา อยู่บ้านกันเพียง 2 คน ซึ่งตามปกติแล้ว นางหยิมฟ้า จะรับหน้าที่เป็นคนดูแลน้องธิชาอยู่กับบ้านมาโดยตลอด ตั้งแต่น้องธิชาเกิด เนื่องจากน้องธิชา พิการทางสมองไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

แต่หลังจากนางหยิมฟ้า เริ่มมีอาการป่วย ด้วยโรคความดันและโรคเบาหวาน ก็เริ่มมีอาการเครียด และบ่นกับตนเองบ่อยครั้งว่า หากตัวเองตายไปกลัวจะไม่มีใครคอยดูแลหลานสาวที่พิการ ซึ่งตนก็คอยปลอบใจให้กำลังใจอยู่ตลอด จนเมื่อวันที่ (18 ก.ค. 67) ที่ผ่านมา นางหยิมฟ้า กลับจากการไปหาหมอที่โรงพยาบาล และพบว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคไต ทำให้เกิดอาการเครียดอย่างหนัก แต่ตนก็ไม่คิดว่า จะถึงขั้นทำให้คิดสั้นเช่นนี้

เบื้องต้น แพทย์โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ได้ทำการรักษาจนนางหยิมฟ้าอาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องคอยให้มีคนเฝ้าดูตลอดเวลา เนื่องจากเกรงว่าอาจจะก่อเหตุฆ่าตัวตายซ้ำอีก และในส่วนของเจ้าหน้าที่ตร. จะได้ให้แพทย์ทำการดูแลรักษานางหยิมฟ้าจนหายดี ก่อนจะอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีในข้อหาฆ่าคนตายตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง