หนุ่มสาว เที่ยวสถานบันเทิงชื่อดัง จ.ขอนแก่น เจอเจ้าถิ่นรุมทำร้าย จนต้องหนีตายขึ้นรถ ไม่หนำใจปาขวด-หิน ใส่กระจกรถแตกเสียหาย แถมโพสต์เย้ยไม่กลัวถูกดำเนินคดี
24 ก.ค. 67 นี่คือคลิปที่บริเวณลานจอดรถยนต์ ตรงข้ามสถานบันเทิงชื่อดัง ริมถนนประชาสำราญ เขตเทศบาลนครขอนแก่น ที่เผยให้เห็นภาพเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นทั้งชายและหญิงจำนวนมาก กำลังรุมทำร้ายหญิงรายหนึ่ง ก่อนที่ฝ่ายชายจะเข้ามาช่วยเหลือ จนถูกรทุมทำร้ายไปด้วย เมื่อเห็นว่าผู้เสียหายสู้ไม่ได้ จึงแยกย้าย แต่ก็ยังพยายามจะกลับมาทำร้ายซ้ำอีก ทำให้ผู้เสียหายทั้ง 2 คน รีบวิ่งขึ้นรถยนต์ แต่ก็ถูกกลุ่ผู้กอ่เหตุวิ่งไล่ตามทุบรถจนได้รับความเสียหาย
โดย น.ส.สุชารัตน์ อายุ 22 ปี เล่าว่า ตนเองกลับมาจากต่างจังหวัดเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 67 จากนั้นตนเองได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านถนนประชาสำราญ จนกระทั่งสถานบันเทิงปิดในเวลา 02.00 น. ระหว่างนั้นมีการทะเลาะวิวาท ซึ่งอยู่ใกล้กับตัวเอง จากนั้นคนที่ไปกับตนเองถูกผลัก จึงได้ถามหญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 30 ปี ว่า ทำไมต้องมาทำแบบนี้เพื่อนของตนเอง และคำตอบที่ได้มาก็คือ "แล้วทำไม" จากนั้นตนเองก็โดนผลักก่อนจะถูกรุมตี ทำให้ต้องรีบวิ่งไปขึ้นรถยนต์ เท่านั้นยังไม่พอ กลับถูกโยนขวดและก้อนหินใส่กระจกรถจนแตกเสียหาย ต่อมาจึงได้ไปแจ้งความกับทางตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น จนกระทั่งตำรวจได้ออกหมายเรียก กลุ่มผู้ก่อเหตุจำนวน 5 คน และมีการนัดให้มาไกล่เกลี่ยกัน แต่ก็ไม่สามารถตกลงได้ แถมคู่กรณียังโพสต์เฟซบุ๊กว่าไม่กลัวจะถูกดำเนินคดี
ด้านนายสยาม อายุ 24 ปี บอกว่า ตนเองเป็นแฟนห น.ส.สุชารัตน์ ในวันเกิดเรื่องตนเองก็ได้ไปด้วยกับแฟน แต่ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนของแฟนตนเองไปมีเรื่องกับใครมาก่อนหรือไม่ จนมาเห็นว่าแฟนตนเองถูกรุมทำร้าย จึงได้เอาตัวเข้าไปป้องกัน ทำให้โดนทำร้ายไปด้วย แม้ว่าตนเองจะพยายามห้ามแล้ว แต่ทางกลุ่มคู่กรณีไม่ฟัง ยังรุมทำร้ายตนเองและแฟนสาว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากให้ทางตำรวจเอาผิดกับคู่กรณี โดยจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่ พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน โดยมีการนัดไกล่เกลี่ยคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายไปแล้ว แต่ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ได้ข้อสรุป ในเรื่องของการเรียกร้องค่าเสียหาย ทำให้พนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ในวันที่ 25 ก.ค. 67 พื่อไกล่เกลี่ยกันหากยังตกลงกันไม่ได้ จะต้องมีการแจ้งดำเนินคดีกับทางฝ่ายผู้ก่อเหตุ โดยฝ่ายผู้ก่อเหตุที่ถูกพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก มีจำนวน 5 คน
