บริษัทเอกชนนำเข้าปลาหมอคางดำ เท! ไม่เข้าชี้แจง กมธ.สภาฯ แล้ว ด้านพรรคก้าวไกล เสนอญัตติด่วนชงเรื่องถึงรัฐบาล เร่งหาทางออก
วันนี้ (25 ก.ค.67) ตามที่คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาการศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบการนำเข้าปลาหมอคางดำเพื่อวิจัยและสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย สภาผู้แทนราษฎร ได้นัดประชุมวันนี้เพื่อพิจารณา แนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและการประกอบอาชีพของชาวประมง โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร อธิบดีกรมประมง และบริษัทที่เอกชนที่นำเข้าปลาหมอคางดำ ชี้แจงต่อที่ประชุม ข้อโต้แย้งที่กรมประมงมอบหลักฐานมา พร้อมหาแนวทางแก้ไขต่อไป
ล่าสุด นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ เปิดเผยก่อนการประชุม ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขาได้รับหนังสือจากทาง บริษัทดังกล่าวว่าไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ โดยทำเป็นหนังสือลาประชุม
นายณัฐชา ได้เรียกร้องให้บริษัทเอกชนใช้พื้นที่นี้ในการสื่อสารกับประชาชน เพราะเรื่องนี้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของประชาชนเป็นจำนวนมาก และเวทีของสภาผู้แทนราษฎรเป็นที่ท่านสามารถแสดงความบริสุทธิ์ใจได้ แต่หากเลือกนั่งแถลงข่าวกับสื่อเพียงไม่กี่สำนัก ขาดการโต้แย้งในการซักถาม ก็จะสร้างความสงสัยให้กับประชาชนมากขึ้น
หลังจากนี้ เราทำได้เพียงขอความร่วมมือ เมื่อขอไปแล้วไม่ได้รับความร่วมมือหรือข้อมูลก็ต้องสรุปตามข้อมูลที่มี ซึ่งมีข้อมูลจากหน่วยงานรัฐที่เชื่อถือได้ ทั้งกรมประมง กระทรวงเกษตรฯ เพราะฉะนั้นในสัปดาห์หน้า จะเชิญสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาแนะนำหน่วยงานของรัฐในการฟ้องร้องต่อไป รวมถึงเชิญหน่วยงานมาประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อระบบนิเวศ เพราะปลาสายพันธุ์นี้ทำลายชีวิตของเกษตรกรไปนับไม่ถ้วน
สิ่งที่กรมประมงได้ชี้แจงไว้พบว่า บริษัทฯ ได้ทำผิดเงื่อนไข ไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาต โดยยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ว่าบริษัทฯ เป็นต้นตอที่ทำให้ปลาสายพันธุ์นี้หลุดออกมา เพราะไม่มี DNA ต้นทางของปลาสายพันธุ์ดังกล่าวในปี 2554 มีเพียง DNA ของปี 2560 และ 2565 ไม่สามารถยืนยันได้แต่เพียงสันนิษฐานได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามการนำเข้าปลาหมอคางดำมีเพียงบริษัทเดียวที่ได้รับการอนุญาต โดยเงื่อนไขจะต้องส่งซากปลาที่ทำลายทิ้งแล้วให้กับกรมประมง จากการตรวจสอบตั้งแต่ปี 2550-2560 กลับไม่พบตัวอย่างปลาสายพันธุ์นี้ ขณะที่ข้อสงสัยว่าในปี 2554 ขวดโหลซากปลาอาจจะหายไปกับน้ำท่วมใหญ่นั้น แต่ในห้องแลปของกรมประมงยังมีพันธุ์ปลาปี 2550 ดังนั้นจะหายเพียงแค่ปี 2554 ไม่ได้ เพราะในห้องแลปมีขวดโหลอยู่ราว 5,000 ขวด น้ำท่วมจะพาไปแค่สองขวดไม่ได้ ตามเงื่อนไขบริษัทฯ ต้องส่งซากปลาให้กับกรมประมง 2 ขวด รวม 50 ตัว แต่จากการตรวจสอบไม่มีรายงานรับขวดโหลดังกล่าว
โดยช่วงในบ่ายวันนี้ พรรคก้าวไกลจะเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาในเรื่องดังกล่าว พร้อมทีมอภิปราย 13 คน เสนอรัฐบาลให้เห็นปัญหาการแพร่ระบาดครั้งใหญ่และรุกรานสัตว์น้ำ ซึ่งยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้แต่เกษตรกรตายรายวัน อยู่เฉย ๆ แล้วรอการแก้ไขไม่สามารถทำได้อีกต่อไป
“เราไม่ต้องการส่งมอบระบบนิเวศที่ไม่สมบูรณ์ให้กับคนรุ่นหลัง เรามีบริษัทเอกชนพยายามนำเข้าปลาจากต่างถิ่นเป็นจำนวนมาก ล่าสุดคือปลาเก๋าหยก ซึ่งนำเข้าจากบริษัทเอกชนรายเดิม เรากังวลว่าจะหลุดรอดออกไปอีก” นายณัฐชา กล่าว
สำหรับคณะอนุกรรมธิการฯ จะส่งพยานหลักฐานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเด็น เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินคดี สิ่งที่เราทราบคือเอกชนนำเข้าเพียงรายเดียว ส่วนการกำจัดทำลายยังไม่มีรายงาน โดยในปี 2560 เราเจอปลาสายพันธุ์นี้ในบ่อพักน้ำของบริษัทฯ ดังกล่าว หากบอกว่ามีการระบาดภายนอกแล้วเล็ดลอดเข้ามาก็ต้องตั้งคำถามกลับว่า ปลาข้างในเล็ดลอดออกไปได้บ้างหรือไม่ กรมประมงก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุม อำนาจของคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ทำสุดความสามารถแล้ว โดยในวันนี้จะมีการสรุปข้อมูลเพื่อส่งให้ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ ต่อไป