สทนช.ปรับแผนรับมือฤดูฝน จับตาพายุแนวโน้มเข้าไทย 1-2 ลูกช่วงก.ย.-ต.ค.

สทนช.ปรับแผนรับมือฤดูฝน จับตาพายุแนวโน้มเข้าไทย 1-2 ลูกช่วงก.ย.-ต.ค.

View icon 87
วันที่ 27 ก.ค. 2567 | 10.16 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (27 ก.ค. 67) นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังคงมีอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้กำลังปานกลางและหย่อมความกดอากาศต่ำ จึงทำให้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ แต่มีแนวโน้มลดลงไปจนถึงช่วงต้นเดือนส.ค. 67 โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในขณะเดียวกันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางล่าสุด ยังมีปริมาณน้ำไม่มากนัก โดยปริมาณน้ำรวมกันทั้งประเทศอยู่ที่ 41,417 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 51% ของปริมาณการกักเก็บ และยังสามารถรับรองน้ำได้อีก 39,145 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้นหากฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนจะเป็นผลดีที่จะมีน้ำกักเก็บไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2567/68 เพิ่มขึ้น

สำหรับการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยานั้น ขณะนี้ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนภูมิพล เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำรวมกันอยู่ที่ 9,795 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 39% ของปริมาณการกักเก็บ และยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 15,076 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ลง เพื่อกักเก็บน้ำไว้สำรองใช้ในช่วงฤดูแล้งนี้ ประกอบกับปริมาณฝนในช่วงนี้มีแนวโน้มลดลง

ดังนั้นเพื่อลดผลกระทบจากระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ที่ประชุมได้เห็นชอบให้กรมชลประทานปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาลงจาก 800 ลบ.ม.ต่อวินาที เหลือ 750 ลบ.ม.ต่อวินาที พร้อมทั้งให้กรมชลประทานพิจารณาเพิ่มการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อผันน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันออกมากขึ้น ลดปริมาณน้ำที่จะผ่านเขื่อนเจ้าพระยา

ส่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูล ซึ่งเป็นอีกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย กฟผ.และกรมชลประทาน ได้ประเมินสถานการณ์น้ำในปีนี้ว่า มีแนวโน้มที่น้ำจะเต็มเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จึงขอเพิ่มการระบายน้ำออกจากเขื่อนจากปัจจุบัน 15 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เป็นไม่เกิน 20 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน

จนถึงสิ้นเดือนส.ค. 67 เพื่อที่จะให้เขื่อนสามารถรองรับน้ำในช่วงกลาง-ปลายฤดูฝน ที่จะมีฝนตกหนักได้มากขึ้น ซึ่งกรมชลประทานได้ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน เนื่องจากระดับน้ำในลำน้ำพองและลำน้ำชียังต่ำกว่าตลิ่งอยู่พอสมควร

อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้กำชับให้วางแผนบริหารจัดการน้ำให้รัดกุมครอบคลุมทั้งลุ่มน้ำ หากมีฝนตกหนักในพื้นที่ท้ายเขื่อนจะต้องปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนตลอดลำน้ำ