แม่-ลูกสาว ทะเลาะกันเรื่องไปทำบุญให้พี่สาวที่เสียชีวิตไปแล้ว สุดท้าลูกสาวให้แฟนพาแม่วัย 73 ปี นั่งรถแท็กซี่ไปทิ้งไว้ข้างทาง พร้อมวีลแชร์ พลเมืองดีเผยเห็นคุณยายนั่งตากแดดมา 3 ชม. ไม่มีใครมารับ
วันนี้ (28 ก.ค. 67) นายคงเดช เนียมไผ่ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหญิงชรานั่งรถวีลแชร์ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ใต้สะพานพระราม 5 ใกล้กับปากซอยนรินทร์กลึง จึงประสาน นายวีรวัฒน์ อินทรลักษณ์ เลขานุการ นายก อบต.บางไผ่ ลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังนายไพรัตน์ อายุ 63 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ไปพบเห็นว่าหญิงชรานั่งตากแดดอยู่เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง โดยไม่มีใครมารับ จึงได้เข็นรถนำตัวมาสอบถามถึงสาเหตุที่ถูกนำตัวมาทิ้งไว้ริมถนนดังกล่าว โดยทราบชื่อคือ นางสมาน อายุ 73 ปี เป็นชาว จ.ขอนแก่น
โดย คุณยายสมาน เผยว่า เมื่อวานนี้ ตนทะเลาะกับลูกสาวคนเล็กที่ตนพักอาศัยอยู่ด้วยกันที่ห้องเช่า เกี่ยวกับเรื่องที่ตนต้องการไปทำบุญใส่บาตรให้กับลูกสาวคนโตที่เสียชีวิตไป เนื่องจากครบรอบวันตายพอดี แต่ลูกสาวคนเล็กกลับต่อว่าตนกลับมาว่า จะมาพูดอะไรบ่อย ๆ เขาไม่มีปัญญาไปทำบุญให้หรอก จากนั้นตนก็ถูกลูกสาวตามบ่นตลอดไม่เลิก แม้กระทั่งออกไปทำงานกลับมาก็ยังบ่นเรื่องนี้อีก จนกระทั่ง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกสาวจึงให้ลูกเขยอุ้มตนขึ้นรถแท็กซี่มาพร้อมกับรถวีลแชร์แล้วมาจอดปล่อยตนไว้ตรงนี้ จนกระทั่งมีคนมาเห็น ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ถูกลูกสาวคนนี้กล่าวหาว่า ตนไปแจ้งตำรวจมาจับเขา ทั้ง ๆ ที่ตนไม่เคยไปโรงพักแจ้งความเลย เขาเข้าใจผิดเพราะเห็นตำรวจขี่รถมาจอดแวะเวียนคุยกับตนที่ห้องเช่า ก็กลายเป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันเรื่อยมา ทำให้ตนคิดว่าทำไมลูกสาวถึงคิดกับตนที่เป็นแม่แบบนี้ แต่ตนก็ยังอยากกลับไปอยู่กับลูกสาวต่อไป ซึ่งเมื่อกลับไปแล้ว ตนจะระมัดระวังเรื่องคำพูดไม่ให้เกิดปัญหากันอีก
ทางด้าน นายไพรัตน์ ผู้พบคุณยายเป็นคนแรก กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า ตนเห็นคุณยายถูกนำมาทิ้งไว้ โดยคุณยายนั่งอยู่บนรถวีลแชร์บนทางเท้า ตนจึงเดินไปดูแล้วเข็นคุณยายมาไว้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวก่อน เนื่องจากเกรงว่าฝนจะตก ซึ่งตนได้สอบถามคุณยายทราบว่า ยายมาจากซอยกรุงเทพนนท์ 13 มาจากบ้านลูกสาว โดยคุณยายนั่งแท็กซี่มาจากนั้นรถแท็กซี่ได้ให้คุณยายลงตรงจุดนี้ ซึ่งคุณยายนั่งอยู่ตรงนั้นมาประมาณ 3 ชม.
ด้าน นายวีรวัฒน์ อินทรลักษณ์ เลขานุการ นายก อบต.บางไผ่ กล่าวว่า ตนได้ประสานกับทาง พม.จ.นนทบุรี และอาสากู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือ หลังสอบถามจนสามารถติดต่อกับทางลูกสาวของคุณยายและพูดคุยปรับความเข้าใจกันร่วมชั่วโมง จึงได้นำตัวคุณยายกลับไปส่งที่บ้านของลูกสาวตามเดิม
โดยใช้ปรับความเข้าใจกันร่วมชั่วโมง เนื่องจากลูกสาวของคุณยายสมานยังคงอยู่ในอารมณ์โมโหและต่อว่าแม่ว่าชอบหาแต่เรื่องมาให้ และไม่ขอรับตัวแม่กลับมาอยู่ด้วย แม้จะมีความผิดจนต้องถูกดำเนินคดีก็ตาม จนกระทั่งแม่ต้องยอมเอ่ยปากขอโทษ จึงทำให้ลูกสาวอารมณ์เย็นลง ก่อนจะเปลี่ยนใจให้ทางเจ้าหน้าที่พาตัวแม่กลับมาส่งที่ห้องเช่า เบื้องต้นหน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลือได้ให้เจ้าหน้าที่นำรถ อบต.ส่งคุณยายกลับไปอยู่กับลูกสาวตามเดิม หลังสองแม่ลูกปรับความเข้าใจกันได้
