พระพยอมเดินหน้าสู้ต่อ เอาที่ดินถุงกล้วยแขกคืน ยืนยันได้โฉนดที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย ไวยาวัจกรวัดสวนแก้วเข้าแจ้งความ ฐานคู่กรณีปลอมแปลงโฉนดใหม่ทับโฉนดเก่า
จากกรณีข้อพิพาทเรื่องที่ดินถุงกล้วยแขก พื้นที่ ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ของมูลนิธิสวนแก้ว เนื้อที่ 1 ไร่ 1งาน 55 ตารางวา ที่ พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้จัดซื้อในวันที่ 9 กันยายน 2547 ในราคา 10 ล้านบาท จากการแบ่งขายมาจากโฉนดเลขที่ 8216 ของนางวันทนา ผู้ครอบครองที่ดินปรปักษ์ ผืนดังกล่าว
ต่อมาปี 2563 มีบุคคลอ้างว่า เป็นเจ้าของที่ดินตัวจริง ซึ่งในตอนนั้นนางวันทนา เป็นผู้ครอบครอง ที่ดินปรปักษ์ กลับไปให้ข้อมูลกับทางคู่กรณีว่าเป็นผู้เช่า ทำให้ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของที่ดิน ได้ยึดคืนพื้นที่ดังกล่าว นำสังกะสีมาล้อมรั้ว ห้ามให้บุคคลภายนอกเข้าพื้นที่ ตอนแรกพระพยอมให้ทนายเข้ามาดูแลเรื่องนี้ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถต่อสู้อะไรได้ และเกิดคำถามว่า หากเป็นที่มีเจ้าของ ทำไมกรมที่ดินถึงออกโฉนดที่ดินให้ แล้วได้ทำการซื้อมา ในราคา 10 ล้านบาท หรือนี่เป็นช่องโหว่ของหน่วยงานราชการ
ล่าสุดวันนี้ ( 30 ก.ค.67) พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เผยว่า จากเดิมที่มีข้อสงสัยว่าตนผิดอะไร หรือเจ้าหน้าที่ที่ดินผิดอะไร ถึงออกโฉนดที่ดินมาให้ตนได้ แต่ตอนนี้เข้าใจ และขอสู้ต่อโดยให้ไวยาวัจกรของวัด เข้าแจ้งความกับตำรวจ ถึงประเด็นที่ดินดังกล่าว โดยแจ้งความในคดีอาญา จากคำพิพากษาชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์ ในการขับไล่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของวัด และมูลนิธิสวนแก้ว ให้เป็นโมฆะและโมฆียะ โดยการฟ้องขับไล่โฉนดที่ดิน ของวัดสวนแก้วเป็นการฟ้องที่นำเอกสารเท็จมากล่าวอ้างฟ้องขับไล่ จึงให้ไวยาวัจกร นำหลักฐานเข้าแจ้ง ความกับตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อให้สืบสวนว่ามีใครเกี่ยวข้องในเรื่องนี้บ้างและดำเนินคดีเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังที่ดินแปลงดังกล่าว ปรากฏว่าก็ยังพบว่ามีสังกะสีกั้นโดยรอบพื้นที่ แต่ในพื้นที่ยังมีบ้านเรือนของประชาชนอยู่ 1 หลังคาเรือน เป็น เป็นชาวบ้านผู้ยากไร้ที่คอยดูแลพื้นที่ให้กับเจ้าของ หน้าพื้นที่ยังมีการติดป้ายพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามบุกรุก นอกจากนี้ยังมีการติดป้ายใบแจ้งความ บุคคลที่เข้าไปในพื้นที่ พระพยอมและบริวารอีกด้วย แต่ใบแจ้งความดังกล่าวระบุไว้ตั้งแต่ปี 2563