นั่งอยู่ด้วยกันแท้ๆ หนุ่มไรเดอร์ โดนเพื่อนรักหลอนยาแทงคอบาดเจ็บ

นั่งอยู่ด้วยกันแท้ๆ หนุ่มไรเดอร์ โดนเพื่อนรักหลอนยาแทงคอบาดเจ็บ

View icon 101
วันที่ 31 ก.ค. 2567 | 14.39 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วงจรปิดจับภาพ เฉียดตาย! นั่งอยู่ด้วยกันแท้ๆ หนุ่มไรเดอร์ โดนเพื่อนรักคบกันมาตั้งแต่เด็ก หลอนยาคว้ามีดแทงคอเฉียดเส้นเลือดใหญ่  ต้องนอน รพ. 7 วัน

31 ก.ค. 67 เมื่อเวลา 09.00 น. ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ ดร.แก้ว ประธาน กต.ตร.สภ.รัตนาธิเบศร์  ลงพื้นที่ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังได้รับการขอความช่วยเหลือจากนางเสมียน อายุ 63 ปี แม่ของนายจิระศักดิ์ อายุ 23 ปี ไรเดอร์หนุ่ม นำหลักฐานคลิปจากกล้องวงจรปิด ขณะถูก นายเต้ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็ก ซึ่งเสพยาหนักจนหลอน หยิบมีดพกสั้นจ้วงแทงนายจิระศักดิ์ บริเวณลำคอจนได้รับบาดเจ็บเย็บที่ลำคอ 3 เข็ม และมืออีก 6 เข็ม จนต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานกว่า 1 สัปดาห์ ขณะนั่งรอกดรับออเดอร์ลูกค้าอยู่หน้าบ้าน  และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายธนายุต อายุ 25 ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของนายจิระศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บที่ขาเย็บ 8 เข็ม หลักจากเข้าไปห้ามปราบนายเต้ ที่มีอาการหลอนยา จึงนำเรื่องราวดังกล่าวมาร้องเรียน เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะตำรวจยังจับกุมตัวนายเต้ ผู้ก่อเหตุไม่ได้ 

นายจิระศักดิ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 67 เวลาประมาณ 20.00 น. ตนได้นัดเพื่อนคือนายเต้ ผู้ก่อเหตุ และรุ่นพี่ มานั่งเล่นที่หน้าบ้านพูดคุยกัน เพราะว่าตนเป็นพนักงานส่งอาหาร ระหว่างรอกดรับออเดอร์ลูกค้า ก็จะนั่งเล่นกัน ไม่มีการดื่มเหล้า หรือเสพยาแต่อย่างใด ตอนแรกทุกอย่างก็ปกติ แต่นายเต้ มีอาการเหมือนเสพยามา

จนกระทั่งเวลา 02.00 น. ตนได้ขี่รถกลับจากส่งออเดอร์ให้ลูกค้ามา ก็มานั่งในบ้านปกติ เห็นนายเต้ มีพฤติกรรมแปลก ๆ หยิบมีดออกมาแคะเล็บตัวเอง เวลาผ่านไปประมาณ 10 วินาที  นายเต้ ได้หยิบมีดจ้วงเข้าแทงมาที่คอตน ไม่มีการพูดคุยหรือทะเลาะใด ๆ กัน จากนั้นรุ่นพี่ตนก็ได้เข้ามาห้ามหยิบมีดของนายเต้ ฉุดกระชากกันตั้งแต่ในบ้านจนออกมาหน้าบ้าน ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บที่มือขวา ส่วนรุ่นพี่ตนก็ถูกมีดเข้าที่ขาขณะเข้าห้าม จากนั้นทางรุ่นพี่ตนก็ได้ไล่ให้นายเต้ ผู้ก่อเหตุกลับบ้านไป ก่อนจะรีบพาตนไปโรงพยาบาล ซึ่งขณะเกิดเหตุ แฟนตนก็ได้ออกมาห้ามด้วย ก่อนจะพาตนไปส่งโรงพยาบาล

นายจิระศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนและนายเต้ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ยืนยันว่าไม่ได้มีเรื่องโกรธเคือง หรือด่าทออะไรกันมาก่อน เพียงแต่ตนรู้ว่า เพื่อนตนได้เสพยาเสพติดอยู่ประจำ เมื่อก่อนก็ทำงานขับไรเดอร์เหมือนตน แต่ก็ได้ออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าใช่เรื่องยาเสพติดหรือเปล่า ตนรู้ว่าเพื่อนติดยา แต่ก็พยายามชวนมาพูดคุยนั่งเล่น เพื่อจะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับยาอีก อยากให้มีสังคมที่ดีกว่านี้ แต่กลับมาถูกก่อเหตุแบบนี้เอง ก่อนหน้านี้นายเต้ ก็เคยมีอาการแบบนี้ประจำ บางครั้งก็พูดคนเดียว ตาลอย เหม่อลอย แต่ไม่เคยพกมีด รอบนี้ตนก็ยังไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร นายเต้ ถึงได้ก่อเหตุแทงตน

แต่เบื้องต้นคาดการว่าสาเหตุเกิดมาจากยาเสพติดแน่นอน หลังจากที่ตนออกมาจากโรงพยาบาลก็ได้โทรศัพท์ทักคุยกับเต้ ถามถึงสาเหตุที่แทงตน แต่ทางเต้ก็ตอบกลับมาว่า “กูขอโทษ ขอทบทวนตัวเองก่อน” เพียงแค่นี้ ซึ่งกรณีนี้หมอได้บอกตนว่าโชคดีไม่ถูกเส้นเลือดใหญ่ หากถูกแทงขึ้นมาด้านบนอีกนิด ตนอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว สุดท้านนี้อยากให้ตำรวจเร่งจับกุมเพื่อนตนให้ได้เร็ว ๆ และพาไปรักษาอาการติดตาด้วย ตอนนี้ตนเห็นเฟซบุ๊กของเต้ โพสต์สตอรีปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางครอบครัวตนก็รู้สึกกังวนหวาดระแวงกลัวเต้กลับมาทำร้ายอีก

นางเสมียน กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุจนกระทั่งตอนนี้ ตนยังรู้สึกกลัวเรื่องความปลอดภัย เพราะตำรวจยังจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไม่ได้ กลับมาบ้านต้องล็อกประตูทุกครั้ง เพราะผู้ก่อเหตุรู้บ้านกล้าก่อเหตุทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าบ้านของตน แต่ตอนเกิดเหตุตนนอนอยู่ชั้น 2 ไม่เห็นเหตุการณ์ หลังจากได้ยินเสียงโวยวายทะเลาะกันจึงลงมาดู แต่ทุกคนได้แยกย้ายไปหมดแล้ว เพื่อนพาลูกตนไปโรงพยาบาล ส่วนคนก่อเหตุก็วิ่งหนีออกไปจากซอย เหลือเพียงคราบเลือดที่อยู่ภายในบ้าน สุดท้ายอยากให้ตำรวจช่วยเร่วติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะที่ ดร.แก้ว กล่าวว่า  ในกรณีนี้ตนได้รับการร้องเรียนขอความช่วยเหลือมาทจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ดูพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ก็ทราบว่าทางผู้บาดเจ็บได้ถูกทำร้ายจริง สาเหตุหลักนั้นเกี่ยวกับยาเสพติดที่ผู้ก่อเหตุไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ในด้านคดีตนได้ติดต่อประสานไปยังสภ.ปากเกร็ด แล้วทางคดีตอนนี้ก็ถือว่ายังไม่ล่าช้า เพราะผู้บาดเจ็บเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมา ตำรวจก็ได้สอบปากคำไปเบื้องต้นแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน ตนก็จะคอยดูแลเรื่องคดีและความคืบหน้าต่อไป  แต่ทางด้านครอบครัวคนเจ็บยังคงมีความกังวนในเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะกลัวทางผู้ก่อเหตุย้อนกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก ทั้งนี้ตอนนี้อยู่ระหว่างประสานไปยังกระทรวงยุติธรรมเพื่อให้ตรวจสอบว่ากรณีนี้เข้าเกณฑ์เหยื่ออาชญากรรมหรือไม่อย่างไร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง